นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้ประชุมร่วมกับกรมปศุสัตว์ และได้ออกมาตรการให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ขยายอายุการปลดแม่ไก่ยืนกรงออกไปเป็น 85-90 สัปดาห์ จากเดิมจะปลดแม่ไก่หลังจากเลี้ยงเอาไข่แล้ว 75 สัปดาห์ เพื่อให้มีปริมาณออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจาก 40 ล้านฟองต่อวัน เป็น 42 ล้านฟองต่อวัน รองรับความต้องการบริโภคของประชาชนที่เพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19 หลังจากเกิดกระแสข่าวไข่ไก่มีไม่เพียงพอ จนอาจมีผู้ฉวยโอกาสกักตุนไข่ไก่ และปรับราคาขายปลีกสูงขึ้น
ทั้งนี้ กรมยังได้ร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ และสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง ตรึงราคาขายไข่ไก่คละหน้าฟาร์มไว้ที่ไม่เกิน 3 บาทต่อฟอง เพื่อให้ราคาขายปลีกทรงตัว และขอให้จำหน่ายเข้าสู่ช่องทางตลาดเดิมที่ประชาชนเข้าถึงง่าย เช่น ห้างค้าปลีกค้าส่ง และตลาดสดก่อน
“ไข่ไก่ไม่ขาดแคลน ปริมาณที่วางจำหน่ายมีเพียงพอกับลูกค้าของห้าง ราคาขายปลีกไข่ไก่เบอร์ 3 ในตลาดสดอยู่ที่ 3.60-3.70 บาทต่อฟอง หรือ 108-110 บาทต่อถาด 30 ฟอง และทุกห้างมีไข่ไก่ในบรรจุภัณฑ์ถาดกระดาษจำหน่ายในราคาใกล้เคียงกับตลาดสด เป็นทางเลือกของผู้บริโภค”
ขณะเดียวกัน กรมได้ลงพื้นที่สำรวจภาวะการค้าปลีกไข่ไก่ในตลาดสด พบว่า ภาวะการซื้อขายชะลอตัวลงมาก เพราะมีการปิดตลาดสดหลายแห่ง หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อ ทำให้ประชาชนกังวลต่อการจับจ่ายในตลาดสด และหันไปซื้อหาสินค้าจำเป็น รวมถึงไข่ไก่ในห้างค้าปลีกค้าส่งแทน ส่วนความล่าช้าของการขนส่งสินค้าเพื่อกระจายเข้าสาขาของห้าง ยืนยันว่าทุกห้างได้ปรับวิธีการขนส่งสินค้าให้คล่องตัวขึ้นแล้ว จึงขอเตือนผู้ที่กักตุนไข่ไก่ และตั้งราคาขายปลีก สูงขึ้นเกินสมควร ซึ่งถือว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ต้องระวางโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนพบเห็นผู้กักตุน หรือฉวยโอกาสขึ้นราคา แจ้งสายด่วนกรม 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบ หากพบผิดจริง ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย.