ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรุงไทยคอมพาส ธนาคารกรุงไทย ประเมินผลกระทบจากการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้นและอาจลากยาวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ต่อกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจวัตถุดิบอาหาร โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 130,000-259,600 ล้านบาท และหากผลกระทบจากการคุมการระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ ทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องปรับตัวอย่างหนัก คงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวอย่างน้อย 2 ปี
ทั้งนี้ การประเมินมูลค่าความเสียหายแบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่
1.หากสิ้นสุดล็อกดาวน์ ณ 31 ส.ค.และควบคุม 29 จังหวัด จะมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 130,000 ล้านบาท
2.หากสิ้นสุดล็อกดาวน์ ณ 30 ก.ย.และควบคุม 29 จังหวัด จะมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 198,300 ล้านบาท
3.หากสิ้นสุดล็อกดาวน์ ณ 30 ก.ย.และขยายมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ไปสิ้นสุด ณ 31 ต.ค. ซึ่งอาจครอบคลุมทั่วประเทศ จะมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 259,600 ล้านบาท
“มีความเป็นไปได้ที่ภาครัฐอาจขยายเวลาล็อกดาวน์เพิ่มอีก 1 เดือน ไปสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.64 และในกรณีที่แย่สุด ภาครัฐอาจขยายมาตรการกึ่งล็อกดาวน์เพิ่มเติมอีก 1 เดือน ไปสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ต.ค.64 รวมถึงอาจมีการควบคุมพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีพื้นที่ที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด”
กรุงไทยคอมพาส ประเมินอีกว่า การฟื้นตัวของธุรกิจร้านอาหาร มีสาเหตุหลักจาก 3 ปัจจัย คือ
1.การท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั่วโลกที่คาดว่า จะกลับมาในปี 2566
2.กำลังซื้อของผู้บริโภคในไทยจะยังเปราะบางและอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอีก 1-2 ปี
3.ภาระหนี้ของธุรกิจร้านอาหารที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน อาจเหนี่ยวรั้งให้ธุรกิจร้านอาหารฟื้นตัวในระยะข้างหน้าได้ช้า.