จ่อไล่ออก-ฟ้องค่าเสียหาย ผลสอบถุงมือยาง 3 เจ้าหน้าที่ อคส.ผิดร้ายแรง

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

จ่อไล่ออก-ฟ้องค่าเสียหาย ผลสอบถุงมือยาง 3 เจ้าหน้าที่ อคส.ผิดร้ายแรง

Date Time: 11 ส.ค. 2564 07:05 น.

Summary

  • ผลสอบวินัย “แก๊งทุจริตถุงมือยาง” อคส.พบทั้ง 3 รายผิดวินัยร้ายแรงจริง ออกหนังสือให้รับทราบข้อกล่าวหาภายใน 15 ส.ค.นี้ คณะกรรมการพิจารณาความผิดทางวินัย เล็งส่งไม้ต่อให้ผู้อำนวยการ อคส.

Latest

“เจ้าสัวธนินท์” มองโลก มองธุรกิจ เชื่อมือ รัฐบาล ดันไทยเป็น “ฮับการเงิน” ปลุกผู้ค้าก้าวทัน AI-เทคฯ

ผลสอบวินัย “แก๊งทุจริตถุงมือยาง” อคส.พบทั้ง 3 รายผิดวินัยร้ายแรงจริง ออกหนังสือให้รับทราบข้อกล่าวหาภายใน 15 ส.ค.นี้ คณะกรรมการพิจารณาความผิดทางวินัย เล็งส่งไม้ต่อให้ผู้อำนวยการ อคส.ฟัน ลงโทษสถานเดียว “ไล่ออก” พร้อมฟ้องเรียกเงินเดือนกลับคืน ด้านคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด เตรียมสรุปคำวินิจฉัยส่ง อคส.เรียกค่าเสียหายกว่า 2 พันล้าน คาดบอร์ด อคส.โดนยกชุด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า คณะกรรมการพิจารณาความผิดทางวินัย ที่มีนายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน กรณีเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) 3 คน ที่ อคส.ได้แจ้งข้อกล่าวหาจัดซื้อ
ถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น คณะกรรมการได้พิจารณาความผิดทางวินัยเสร็จแล้ว หลังจากใช้เวลาพิจารณานานถึง 5 เดือน โดยพบว่าทั้ง 3 คน มีความผิดวินัยร้ายแรง และได้ออกหนังสือลงวันที่ 30 ก.ค.64 เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน หรือภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้

โดยหลังจากครบกำหนดแล้ว คณะกรรมการจะสรุปการรับทราบข้อกล่าวหา และเสนอความเห็นเรื่องการลงโทษไปให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส.พิจารณาลงโทษ โดยคาดว่าจะเสนอให้ลงโทษสถานเดียว คือ ไล่ออก ส่งผลให้ทั้ง 3 คนไม่ได้รับเงินบำเหน็จหรือบำนาญใดๆ นอกจากนี้ อคส.จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกเงินเดือนกลับคืนจากทั้ง 3 คน โดยเรียกคืนเงินเดือน นับตั้งแต่ที่ความผิดเกิดขึ้น หรือตั้งแต่เดือน ส.ค.63 เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 รายที่ถูกสอบวินัยร้ายแรง ได้แก่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. มีอัตราเงินเดือนกว่า 80,000 บาท เจ้าหน้าที่บริหาร ระดับ 8 คือ นายเกียรติขจร แซ่ไต่ เงินเดือนกว่า 30,000 บาท และนายมูรธาธร คำบุศย์ เงินเดือนกว่า 20,000 บาท ทั้งนี้ จนถึงวันที่ 10 ส.ค.64 มีเพียงนายเกียรติขจรคนเดียว ที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา และให้การปฏิเสธโดยยืนยันว่าปฏิบัติตามคำสั่งผู้บริหาร 1 ในคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส.

ส่วนการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดที่มีนายวันชัย วราวิทย์ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานนั้น ล่าสุดได้ทยอยเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำแล้ว และคาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จ และสามารถทำคำวินิจฉัยได้อย่างช้าไม่เกินกลางเดือน ก.ย.64 เพื่อเสนอต่อผู้อำนวยการ อคส. จากนั้น อคส. จะเสนอคำวินิจฉัยไปให้คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด กระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาต่อไป โดยหากมีความเห็นตรงกัน อคส.จะออกคำบังคับแจ้งให้เจ้าหน้าที่ อคส. รวมถึงกรรมการในบอร์ด อคส.ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ชดใช้ความเสียหายให้ อคส. เบื้องต้นราว 2,000 ล้านบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย และค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ แต่หากไม่ชดใช้ให้ อคส.สามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครอง หรือถ้าไม่มีเงินชดใช้ต้องบังคับคดีและยึดทรัพย์

ทั้งนี้ คาดว่าผู้ที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ อคส.นอกจากเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ราย และ 1 ในบอร์ด อคส.ที่เป็นผู้สั่งการแล้ว ยังจะมีเจ้าหน้าที่ อคส.รายอื่นอีก เช่น เจ้าหน้าที่การเงิน ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการทุจริต แต่มีความประมาทเลินเล่อในหน้าที่จนทำให้ อคส.เสียหาย รวมถึงกรรมการในบอร์ด อคส.ชุดปัจจุบันทุกคน ที่อาจทราบเรื่องการจัดซื้อถุงมือยางและมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการของ อคส. ตามมาตรา 17 พระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง อคส.พ.ศ.2498 แต่กลับไม่ยับยั้ง หรือไม่สั่งการให้ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์รายงานบอร์ด

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อถึงการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า หลังจาก ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหาและให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ทั้งหมดได้ทยอยรับทราบข้อกล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหา คาดว่า ป.ป.ช.จะสรุปผลการไต่สวน และชี้มูลความผิดได้ในเร็วๆนี้ ก่อนส่งให้อัยการส่งฟ้องดำเนินคดีอาญา ขณะเดียวกัน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะดำเนินคดีแพ่ง และยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ความเสียหายให้ อคส.

ทั้งนี้ ความผิดทางอาญาจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 พนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต มีโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 ม.151 เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ โทษจำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 2,000-40,000 บาท รวมถึง ม.157 เจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต โทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ