หอการค้าไทยสุดทน โควิดหนัก ทำจ.ม.ถึงนายกฯ เสนอแผนหยุดแพร่เชื้อ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

หอการค้าไทยสุดทน โควิดหนัก ทำจ.ม.ถึงนายกฯ เสนอแผนหยุดแพร่เชื้อ

Date Time: 3 ส.ค. 2564 05:40 น.

Summary

  • หอการค้าไทยสุดทน! โควิด-19 ระบาดเร็ว แรง ทำหนังสือถึงนายกฯเสนอแนวทางหยุดแพร่เชื้อ เตรียมทำ “บับเบิล แอนด์ ซีล” เปิดบริษัท โรงงาน ให้พนักงานมาอยู่ ลดเดินทาง จับคู่โรงพยาบาล-โรงแรม ทำที่กักตัว

Latest

ลุ้น!คนอายุ50ปีรับเงินหมื่นบาท  "คลัง"ชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ย้ำชัดลงทะเบียนไว้ได้รับทุกคน

หอการค้าไทยสุดทน! โควิด-19 ระบาดเร็ว แรง ทำหนังสือถึงนายกฯเสนอแนวทางหยุดแพร่เชื้อ เตรียมทำ “บับเบิล แอนด์ ซีล” เปิดบริษัท โรงงาน ให้พนักงานมาอยู่ ลดเดินทาง จับคู่โรงพยาบาล-โรงแรม ทำที่กักตัวให้พนักงานติดเชื้อกลุ่มสีเขียว ส่วนล็อกดาวน์ 29 จังหวัด เสียหายหนักเดือนละ 3-4 แสนล้านบาท

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนเป็นห่วงอย่างมากกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่รุนแรง และรวดเร็วมากขึ้น เพราะมีไวรัสสายพันธุ์กลายพันธุ์ คือเดลตา ที่ติดง่ายขึ้น ระบาดในประเทศ อีกทั้งยังเกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งผลิตสินค้าขายในประเทศ และเพื่อส่งออก ขณะที่การฉีดวัคซีนยังล่าช้า ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาคเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติครั้งนี้

ดังนั้น ในสัปดาห์นี้หอการค้าไทยและเครือข่ายภาคเอกชน จะทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดเสริมจากการทำงานของรัฐบาล โดยผู้ประกอบการจะทำ “บับเบิล แอนด์ ซีล” (Bubble and Seal) สำหรับพนักงานในสถานประกอบการ ทั้งบริษัท โรงงาน โดยจะตรวจหาเชื้อให้พนักงาน โดยใช้ชุดตรวจโควิด (Antigen Test Kit หรือ ATK) หากไม่ติดเชื้อ จะมีมาตรการดูแล ทั้งกรณีทำงานที่บ้าน และจัดหาสถานที่ให้พักในโรงงาน หรือในบริษัท เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทาง ป้องกันการติดเชื้อเพิ่ม

ส่วนรายที่พบการติดเชื้อ และเป็นกลุ่มสีเขียว หรือมีอาการไม่รุนแรง จะร่วมมือกับโรงพยาบาลใกล้เคียงกับสถานประกอบการ หรือโรงพยาบาลภายใต้ ม.33 และโรงแรม จัดทำที่พักให้เป็นแบบการแยกกัก (Isolation) เพื่อให้มีศูนย์กลางในการดูแลให้เหมาะสม มีทีมแพทย์ ยา และอาหารจัดให้ โดยอาจใช้การตรวจแบบ TeleMedicine แทนที่พนักงานจะกักตัวที่บ้านเอง ซึ่งยากต่อการดูแล แต่หากอาการรุนแรง หรือเป็นผู้ป่วยสีแดง โรงพยาบาลที่ร่วมมือกันต้องรับไว้รักษาด้วย การดำเนินการเช่นนี้ นอกจากป้องกันการแพร่เชื้อออกสู่สาธารณะได้แล้ว ยังทำให้โรงแรมรายกลาง และเล็กที่จะร่วมมือกับภาคเอกชน มีรายได้ต่อลมหายใจธุรกิจได้อีก

“ได้ทำความเข้าใจเรื่องบับเบิล แอนด์ ซีล กับหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศแล้ว ซึ่งสมาชิกพร้อมดำเนินการ โดยเอาคนงานที่ไม่ติดเชื้อมากินอยู่ในโรงงาน ลดการเดินทาง และมีมาตรการเข้มงวด แต่ละแผนกต้องคุมเข้ม การจะไปแผนกอื่นจะทำอย่างไร ซึ่งแนวปฏิบัติตรงนี้ ต้องร่วมกับสาธารณสุข เพื่อหยุดการแพร่ระบาด และแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ แม้จะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายก็ต้องยอม ไม่เช่นนั้นถ้าพนักงานติดหมด ต้องปิดโรงงาน ก็จบ”

นอกจากนี้ หอการค้าไทยยังเสนอทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการทำความเข้าใจ วิธีการป้องกัน รวมถึงแนวทางการดำเนินการ สำหรับ ผู้ประกอบการและประชาชน ให้เข้าใจตรงกัน และปฏิบัติตัวให้เหมาะสม ในรูปแบบของพี่ช่วยน้อง ขณะเดียวกัน ยังเสนอให้รัฐบาลตรวจหาเชื้อโควิด ในประชาชนเชิงรุกมากขึ้น โดยใช้ ATK เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ไม่ติดเชื้อโดยเร็ว แต่ภาคเอกชน ขอให้ภาครัฐจัดหาชุดตรวจในราคาเหมาะสมที่เข้าถึงได้

ขณะเดียวกัน ยังเสนอให้รัฐปรับระบบการ บริหารจัดการเตียงใหม่ โดยแยกประเภทและการใช้ระหว่างกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว เหลือง และแดง ให้ชัดเจน, เพิ่มการแยกกักในโรงแรม (Hotel Isolation) สำหรับรองรับกลุ่มสีเขียว เพื่อลดการใช้เตียงในโรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาล, รัฐเพิ่มการจูงใจให้โรงแรมทำ Hospitel มากขึ้น เพื่อเพิ่มเตียง และสถานที่กักตัว โดยรัฐบาลช่วยสนับสนุนโรงแรมในการปรับระบบการดูแลผู้ติดเชื้อ

นายสนั่นกล่าวต่อถึงการจัดหาวัคซีนว่า หลังจากที่นายกฯได้ประชุมร่วมกับหอการค้าไทย และ 40 ซีอีโอ พลัส ธุรกิจชั้นนำ 40 ราย และขอให้ภาคเอกชนช่วยจัดหาวัคซีนให้ด้วยนั้น ขณะนี้ภาคเอกชนกำลังช่วยเจรจาจัดหาให้ แต่ต้องการให้ภาครัฐจัดสรรวัคซีนมาให้ศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชน 25 แห่งในกรุงเทพฯให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมา จัดสรรน้อยมาก ทำให้ส่วนใหญ่เปิดฉีดได้สัปดาห์ละ 2-3 วัน จากช่วงแรกๆ ฉีดได้วันละ 2,000-3,000 ราย ไม่เช่นนั้นศูนย์ฉีดคงต้องปิดตัวอย่างสัปดาห์นี้ ปิดชั่วคราวแล้วทั้งหมด

ส่วนการล็อกดาวน์ต่ออีก 2 สัปดาห์ และเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 29 จังหวัด คาดว่าผลกระทบจะอยู่ที่เดือนละ 300,000-400,000 ล้านบาท และการระบาดไม่น่าจบภายใน 1 เดือน น่าจะไม่ต่ำกว่า 2 เดือน และหาก 3 เดือนยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ เศรษฐกิจไทยจะเสียหายอย่างหนัก และยากจะฟื้นฟู.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ