นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า สคบ.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคเกี่ยวกับการซื้อ-ขายสินค้าในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระบาดพุ่งสูงขึ้นมากจนน่ากังวล โดยเฉพาะยอดการร้องเรียนในช่วง 9 เดือนมานี้ พบว่า มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทั้งหมด 16,000 เรื่อง ใกล้เคียงตัวเลขการร้องเรียนทั้งปี 2563 ที่มีเรื่องร้องเรียนรวม 20,000 เรื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อ-ขายสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์ สะท้อนให้เห็นว่า มีผู้ประกอบการหลายคนที่จ้องเอาเปรียบผู้บริโภค สคบ.จึงขอแนะนำให้ผู้บริโภคต้องตรวจสอบสินค้าและบริการให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
“ยอดการร้องเรียนได้พุ่งสูงมาก โดยเฉพาะเรื่องการซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ แม้ สคบ.จะแจ้งเตือน หรือประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีการเอาเปรียบเกิดขึ้นหลายๆกรณี อย่างเรื่องที่เจอบ่อยที่สุดคือ สินค้าไม่ตรงปก ชำรุดเสียหาย ซึ่งถ้าร้องเรียนมา สคบ. แล้วพบว่า ถ้าเป็นผู้ประกอบการขายตรงหรือตลาดแบบตรงที่จดทะเบียนกับ สคบ.ส่วนใหญ่กว่า 90% เรื่องจะจบ แต่ที่กังวลตอนนี้ คือ ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย จะหาคนขายได้ยาก หรือซื้อสินค้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งพบว่ามีอยู่จำนวนมากที่แก้ปัญหาได้ยาก จึงขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อ”
ทั้งนี้ สคบ.ขอแนะนำผู้บริโภคว่า หากพบปัญหา เช่น สินค้าชำรุดเสียหาย สินค้าไม่ตรงกับคำโฆษณา หรือสินค้ามีความชำรุดบกพร่อง ผู้บริโภคและร้านค้าคู่กรณีมีเงื่อนไขให้สามารถคืนสินค้าได้ ผู้บริโภคควรรีบส่งคืนสินค้ากับผู้ขายโดยทันที เพราะหากพ้นกำหนดระยะเวลาที่ผู้ขายกำหนดแล้วผู้บริโภคอาจหมดสิทธิคืนได้.