จี้เร่งใช้เงินกู้ 5 แสนล้านบาทเยียวยาพื้นที่ควบคุมสูงสุด

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

จี้เร่งใช้เงินกู้ 5 แสนล้านบาทเยียวยาพื้นที่ควบคุมสูงสุด

Date Time: 20 ก.ค. 2564 07:15 น.

Summary

  • กรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบค.) เพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจาก 10 จังหวัดเป็น 13 จังหวัดว่า ต้องการความชัดเจนในการดำเนินการของรัฐบาล

Latest

5 วิชา “การเงิน การลงทุน” ต้องรู้! เป็นหนี้อย่างไร? ให้มี “เงินเก็บ” เกษียณแบบมีรายได้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบค.) เพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจาก 10 จังหวัดเป็น 13 จังหวัดว่า ต้องการความชัดเจนในการดำเนินการของรัฐบาล เช่น การยกระดับให้ทำงานที่บ้านสูงสุด ซึ่งในประกาศ ศบค.เขียนแบบให้ตีความเองตามความจำเป็น ทำให้อาจจะยังมีการเดินทางของคนอยู่ ส่วนการเพิ่มอยุธยา ฉะเชิงเทรา และชลบุรีเข้ามาด้วยอาจกระทบต่อการส่งออก เพราะ 3 จังหวัดมีภาคการผลิตสูงมาก โดยรัฐควรมีมาตรการเชิงรุกในการตรวจ คัดแยก และจัดสรรวัคซีนให้ภาคการผลิต เพื่อไม่ให้ห่วงโซ่การผลิตหยุดชะงัก

“การล็อกดาวน์ 13 จังหวัด คาดจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายเพิ่มเป็นวันละ 3,000-4,000 ล้านบาท จากเดิมที่ล็อกดาวน์ 10 จังหวัด คาดเสียหาย 2,000-3,000 ล้านบาท ถ้าล็อกดาวน์ 1 เดือน เสียหาย 90,000-120,000 ล้านบาท รัฐต้องมีมาตรการลดค่าใช้จ่าย เสริมรายได้ในช่วงนี้ โดยเงินกู้ 500,000 ล้านบาท จำเป็นต้องนำเร่งใช้ในช่วงนี้เลย”

ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การล็อกดาวน์ 13 จังหวัด คาดเศรษฐกิจเสียหาย 100,000 ล้านบาท จากเดิมที่คาดล็อกดาวน์ 10 จังหวัดจะเสียหาย 60,000 ล้านบาท แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ การล็อกดาวน์จะแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เพียงใด ส.อ.ท.จึงเห็นว่ารัฐต้องทำควบคู่กับ 2 เรื่อง คือการหาผู้ติดเชื้ออย่างเข้มข้น และฉีดวัคซีนให้ประชาชน

ส่วนนายณพพงศ์ ธีระวร ประธานกิตติมศักดิ์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า การล็อกดาวน์จริงจังเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่ารัฐจะใช้มาตรการสาธารณสุขนำเศรษฐกิจ แต่ภาคเอกชนต้องการเห็นภาครัฐวางแผนล่วงหน้า 3-6 เดือน จะได้ไม่ฉุกละหุก ถ้าพื้นที่ใดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตดีขึ้นจะเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจอย่างไร คงต้องผ่อนสั้นผ่อนยาว “รัฐต้องดึงทุกภาคส่วนมาร่วมกันสู้วิกฤติ เพราะวิกฤตินี้ไม่ใช่ของรัฐบาล แต่เป็นของคนไทยทั้งประเทศ ผู้นำต้องขอโทษที่สถานการณ์รุนแรงมากถึงขนาดนี้ และขอความร่วมมือคนไทยให้ร่วมกันฝ่าวิกฤติ อีกทั้งรัฐต้องเปิดทางให้ทุกภาคส่วนนำเข้าวัคซีน เพื่อเพิ่มความหลากหลายและปริมาณ รวมถึงต้องแก้กฎหมายให้ผลิตและกระจายยาฟาวิพิราเวียร์ตามร้านขายยา เพราะอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในการควบคุมความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยหนัก และลดการเสียชีวิต”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ