นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.กำลังนัดหมายเพื่อขอเข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ในสัปดาห์หน้าเพื่อหารือแนวทางเร่งใช้ระบบ Exposure Notification Express (ENX) ในการติดตามและแจ้งเตือนเมื่อใกล้ชิดของบุคคลทั่วๆไปที่ต้องมีการติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคโควิด-19 ผ่านแอป Apple Google ENX ในระบบมือถือ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายให้กับประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงความชัดเจนการจัดหาและฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
“ผมจะยืนยันกับนายอนุทินว่า ขณะนี้ ภาคอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบในกระบวนการผลิตสินค้า เพราะมีการติดเชื้อในกลุ่มแรงงานเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม แต่ปรากฏว่า การฉีดวัคซีนยังไม่เป็นไปตามแผนที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ ที่สำคัญหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ การล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว 10 จังหวัด เมื่อครบกำหนดปลายเดือน ก.ค.นี้ ก็จะไม่สามารถคลี่คลายการระบาดลงได้ และสถานการณ์ย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะการไม่เร่งแยกผู้ป่วยหรือควบคุมการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุด ภาคเอกชนอยากออกประกาศตามหาว่าวัคซีนหายไป โดยเฉพาะแอสตราเซเนกาที่ประกาศว่าจะมีมาให้คนไทย 10 ล้านโดสในเดือน ก.ค.นี้แต่ก็ยังมีจำนวนไม่มากนัก”
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในภาคอุตสาหกรรมล่าสุดคิดเป็น 10% จากจำนวนแรงงานอุตสาหกรรมทั้งประเทศถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำมาก โดยล่าสุดได้มีมาตรการเร่งด่วน “ป้องกัน รักษา เยียวยา” จัดตั้งคณะทำงาน 5 ชุดนำร่องช่วยเหลือสมาชิก ส.อ.ท.ที่มีโรงงานเกี่ยวข้อง 13,000 แห่ง ได้แก่
1.คณะทำงานด้านข้อมูลโควิด มีหน้าที่จัดการให้ความรู้การป้องกันโควิด-19
2.คณะทำงานจัดหาชุด Rapid antigen test และห้องความดันลบ
3.คณะทำงานคอลเซ็นเตอร์ประสานงานรับเรื่องการตรวจโควิด-19 ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อ
4.คณะทำงานระบบแจ้งเตือนผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 เพื่อทำหน้าที่ผลักดันต่อกรมควบคุมโรคใช้ระบบ ENX
5.คณะทำงานรับบริจาคจัดหาห้องความดันลบหรือเปิดรับบริจาคหาเงินช่วยเหลือ สมาชิก ส.อ.ท.