นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เร่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของบริการทางการเงินดิจิทัล ซึ่งในช่วงโควิดมีการใช้งานเพิ่มขึ้นมาก ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างธนาคารสมาชิกของสมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารนานาชาติ 29 แห่ง ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การพัฒนามาตรฐานและใช้มาตรฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อส่งเสริมบริการทางการเงิน” หรือมาตรฐานกลาง API เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล
ทั้งนี้ บริการแรกที่จะดำเนินการ คือ การรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก (bank statement) ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลระหว่างสถาบันการเงิน ที่ประชาชนสามารถเรียกข้อมูล bank statement จากสถาบันการเงินหนึ่ง เพื่อนำไปใช้ขอสินเชื่อกับอีกสถาบันการเงินหนึ่งผ่านช่องทางดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยลดภาระการเดินทางและลดระยะเวลาขอและรับส่งข้อมูลลงมาก สถาบันการเงินจะสามารถลดต้นทุนการตรวจสอบและประมวลผลด้านเอกสาร ลดความเสี่ยงการถูกปลอมแปลงเอกสาร รวมทั้งลดค่าธรรมเนียมการบริการให้ต่ำลงกว่าปัจจุบันด้วย
“การเรียกใช้ข้อมูลข้ามสถาบันการเงินในขณะนี้ยังมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ต้องขอข้อมูลในรูปแบบเอกสารกระดาษ ทำให้ไม่ได้รับความสะดวก สร้างต้นทุนที่ไม่จำเป็น แต่การขอเอกสารในรูปแบบดิจิทัล เจ้าของบัญชีสามารถขอให้ธนาคารที่คนมีบัญชีส่ง bank statement ผ่านระบบออนไลน์ไปให้อีกธนาคารที่ขอสินเชื่อได้ ขณะที่มาตรฐาน API จะช่วยให้เอกสารของทุกธนาคารเป็นรูปแบบเดียวกัน ง่ายต่อการใช้ข้อมูลต่อเนื่อง มีความปลอดภัย โดยทุกครั้งลูกค้าจะต้องยืนยันตัวตน และมีการกดยินยอม นอกจากนั้น ธปท.ยังกำหนดเพดานค่าธรรมเนียมไว้ไม่เกิน 75 บาทต่อรายการ จากเดิม 100-200 บาท และคาดว่าการแข่งขันที่สูงขึ้น อาจจะทำให้ค่าบริการจริงต่ำกว่าเพดานที่กำหนด”
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวต่อว่า บริการรับส่งข้อมูล bank statement ทางดิจิทัลจะเริ่มให้บริการข้ามธนาคารได้ภายในเดือน ม.ค.2565 โดยมีสถาบันการเงินพร้อมให้บริการ 10 แห่ง ครอบคลุมกว่า 98% ของบัญชีเงินฝากทั้งหมด.