หอการค้าไทย ถก 40 ซีอีโอ หาทางรับมือ “ล็อกดาวน์” และถามความเห็นสมควรเปิดประเทศใน 120 วันหรือไม่ หรือเปิดบางพื้นที่ที่พร้อมก่อน ขณะที่ ม.หอการค้าไทย ชี้ยังประเมินมูลค่าความเสียหายของเศรษฐกิจไม่ได้ แต่ผลกระทบจากการล็อกดาวน์ครั้งแรก ทำเศรษฐกิจเสียหายเดือนละ 2–3 แสนล้านบาท แนะรัฐออกมาตรการเยียวยาเพิ่ม
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. หอการค้าไทยประชุมร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทใหญ่กว่า 40 บริษัท จากทุกกลุ่มธุรกิจของไทย เช่น กลุ่มธุรกิจค้าปลีก กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มธนาคาร-ประกันภัย กลุ่มธุรกิจไอที-เทคโนโลยี กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มธุรกิจส่งออก เป็นครั้งที่ 2 เพื่อหารือถึงการล็อกดาวน์ประเทศ ควรจะล็อกดาวน์ในลักษณะใด อย่างไร ผลกระทบต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จะเจ็บแต่จบ หรือเจ็บแต่ไม่จบ รวมทั้งจะเสนอวิธีการทำอย่างไรไม่ให้ระบบสาธารณสุขของไทยล้มเหลว ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายกังวลกันมาก
นอกจากนี้ จะหารือกันเรื่องเปิดประเทศภายใน 120 วันว่าซีอีโอแต่ละท่านมีความเห็นอย่างไร ยังมีความเหมาะสมที่จะเปิดทั้งประเทศใน 120 วันหรือไม่ หรือควรเปิดในพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อน ซึ่งโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดประเทศ เพราะไทยต้องอยู่กับโควิด-19 ไปอีกระยะ แต่จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจขยับได้
ขณะเดียวกันอยากให้ภาครัฐทบทวนการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของการฉีดวัคซีนให้ประชาชนด้วยว่า ควรฉีดกลุ่มใดก่อน เพราะกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งก่อนหน้านี้ถูกจัดอันดับเป็นกลุ่มแรก ส่วนใหญ่จะอยู่บ้าน แต่คนที่นำเชื้อเข้ามาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนทำงานอายุ 20 ปีขึ้นไป ที่ยังต้องออกจากบ้านไปทำงานเป็นประจำ และอยากให้ภาครัฐให้ความชัดเจน กรณีที่ภาคเอกชนร่วมกันตั้งศูนย์กระจายวัคซีนในหลายพื้นที่ แต่วัคซีนไม่มาตามที่กำหนด รวมถึงต้องให้ภาครัฐเร่งจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสให้เพียงพอ
“พวกเราจะช่วยระดมแนวทางกันว่า จะทำอย่างไรให้ระบบเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุข ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนไปด้วยกันได้ และจะสอบถามทางกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น ซีอีโอจากธนาคารกรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กรุงไทย จะช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง โดยจะมีการแถลงข่าวผลการประชุมวันที่ 9 ก.ค.นี้”
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การล็อกดาวน์ จะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะล็อกดาวน์หรือไม่และอย่างไร แต่จากบทเรียนการล็อกดาวน์รอบแรกในปี 63 สร้างความเสียหายในระบบเศรษฐกิจเดือนละ 200,000-300,000 ล้านบาท ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากระบบเศรษฐกิจทั้งปี 63 มากถึง 900,000 ล้านบาท และทำให้เศรษฐกิจไทยปี 63 ติดลบ 6.1% หากรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ 1 เดือน ความเสียหายจะตกประมาณ 200,000-300,000 ล้านบาท แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วยว่าจะยืดเยื้อหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เห็นว่าหากรัฐบาลจะล็อกดาวน์ ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย โดยเห็นว่า โครงการคนละครึ่ง เหมาะสมที่สุด เพราะจะช่วยทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และหากรัฐบาลจะเติมเงินเพิ่มก็ยิ่งดี นอกจากนี้ หากจะนำโครงการเราชนะ หรือ ม.33เรารักกัน มาเพิ่มเติมได้ก็จะดี โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 0-1% จากเดิมที่คาดไว้ 0.6-1.2% แต่ยังไม่รวมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกรณีที่รัฐบาลจะล็อกดาวน์อีก.