รัฐเพิ่งตื่นอุ้มเอสเอ็มอีซมโควิด ต่ออายุโครงการจ่ายคนละครึ่ง

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงาน ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์ของเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 นายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้หาทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีทุกประเภทที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งแยกกลุ่มให้ชัดเจนว่า เป็นกลุ่มที่ยังมีศักยภาพไปต่อได้ กลุ่มมีศักยภาพแต่กำลังประสบปัญหา กลุ่มที่มีปัญหาหนัก และกลุ่มที่ไปต่อไม่ไหว เพื่อจะได้หามาตรการช่วยได้ตรงจุดและจัดงบประมาณช่วยเหลือในช่วงต่อๆไป ซึ่ง สสว.จะำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว

สำหรับสถานการณ์ของเอสเอ็มอีล่าสุด สสว.ยังอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบจากโควิด-19 ระลอก 3 โดยจะขอรอดูตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 2 ปี 64 ของสำนักงานสภาพพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะเปิดเผยออกมาในเดือน ส.ค.นี้ เพื่อประเมินตัวเลขจีดีพีของเอสเอ็มอีอีกครั้งว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรจากวิกฤติที่เกิดขึ้น เพราะปัจจุบันตัวเลขจีดีพีเอสเอ็มอีของไทยในไตรมาสแรก ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อยคือสัดส่วนเพิ่มเป็น 35% ต่อจีดีพี จากไตรมาส 4 ปี 63 ทีมีสัดส่วน 34.5% ต่อจีดีพี

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาแนวทางการพัฒนาระบบซิงเกิล ไซน์ ออน จากฐานข้อมูลสมาชิกของ สสว.ที่ได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ โดยจากนี้ได้ให้ตั้งงบประมาณในปี 65 บางส่วนเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนการสนับสนุนเอสเอ็มอีให้เข้าถึงการจะซื้อจัดจ้างภาครัฐนั้น ล่าสุดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีเอสเอ็มอีเข้าร่วมแล้ว 55,000 ราย คิดเป็นมูลค่า 127,000 ล้านบาท โดยภายในสิ้นปีนี้ ประเมินว่า จะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายคือดึงเอสเอ็มอีเข้าร่วมได้ 100,000 ราย คิดเป็นมูลค่า 400,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังให้ต่ออายุโครงการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีผ่านระบบผู้ให้บริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจ (ดีบีเอส) หรือการจ่ายคนละครึ่งภาคเอสเอ็มอี ในปีงบประมาณ 65 โดย สสว.จะสนับสนุนด้านการเงินแบบร่วมจ่าย สัดส่วนตั้งแต่ 50-80% โดยค่าใช้จ่ายที่สามารถขอรับการสนับสนุน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการอบรมพัฒนาความรู้ด้านธุรกิจ ค่าใช้จ่ายในการทดสอบและรับรองมาตรฐาน ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ เป็นต้น.