นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ชลบุรี และสมาชิกสภาเมืองพัทยา เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้า ภาคเอกชนท่องเที่ยวพัทยา จ.ชลบุรี จะเข้าพบนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เพื่อเสนอแผนการฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวของพัทยา ภายใต้โครงการ Pataya Move On หลังจากที่นำเสนอต่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แล้ว
โดยจะขอให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการนำร่องต่อจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แต่เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบ sealed route (พื้นที่ปิด) เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ในรูปแบบกักตัวในโรงแรม 3 วัน จากนั้นให้เดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางที่กำหนดใน 2 อำเภอ คือ บางละมุง และสัตหีบ โดยขอเริ่มเดือน ส.ค.นี้ และเมื่อครบ 14 วันจึงจะให้ออกไปพื้นที่อื่นได้ แต่จะเริ่มโครงการนี้ได้ ประชาชนในพื้นที่ 2 อำเภอดังกล่าว 450,000 คน ต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนเบื้องต้น 900,000 โดส จากปัจจุบันได้รับจัดสรรไม่เกิน 50,000 โดส
“ถ้าเริ่มโครงการได้ตามกำหนด คาดว่าเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพัทยาเดือนละ 10,000-20,000 คน และเดือน ต.ค.เป็นต้นไปจะเพิ่มขึ้นมาก เพราะเป็นช่วงชาวยุโรปหนีหนาวเข้ามาเที่ยวไทย แต่ถ้าเริ่มช้ากว่าเดือน ส.ค. ต้องรอถึงไตรมาส 4 ปี 65 กว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาเหมือนเดิม”
ด้านนายชัยรัตน์ รัตโนภาส นายกสมาคมสปาและเวลเนสภาคตะวันออก กล่าวว่า ปี 62 จ.ชลบุรี มีนักท่องเที่ยว 18.6 ล้านคน รวมต่างชาติและคนไทย สร้างรายได้ 276,328 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดโควิด-19 ปี 63 เหลือเพียง 6.97 ล้านคน สร้างรายได้ 66,499 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ซึ่งไม่สามารถทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ขณะที่นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทย ภาคตะวันออก กล่าวว่า พัทยามีโรงแรมถูกต้องตามกฎหมายกว่า 1,000 แห่ง ปัจจุบันเปิดให้บริการ 20% หรือ 100 กว่าแห่ง ขณะที่ น.ส.ฐิติภัสร์ ศิรณัฐศรีกุล นายกสมาคมแหล่งท่องเที่ยวชลบุรี กล่าวว่า แหล่งท่องเที่ยวทั้งหมด 53 แห่ง ปัจจุบันเปิดให้บริการ 12-15 แห่ง โดยแหล่งท่องเที่ยวพร้อมให้บริการแบบ sealed route เช่น สวนนงนุช สวนน้ำรามายณะ สวนน้ำการ์ตูนเน็ตเวิร์ค อเมซอน ประสาทสัจธรรม ทิฟฟานีโชว์ เป็นต้น.