นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือน มิ.ย.64 ว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือเดือน ส.ค.64 อยู่ที่ 126.40 เพิ่ม 1.6% จากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 124.37 โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกือบทุกกลุ่มอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง ยกเว้นนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ทรงตัว โดยปัจจัยที่สนับสนุนความเชื่อมั่น คือ แผนการฉีดวัคซีนของรัฐบาล เพื่อคลี่คลายวิกฤติโควิด รวมถึงความคาดหวังของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการไหลเข้าของเงินทุน
นอกจากนี้ นักลงทุนมองแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยช่วงครึ่งหลังปี 64 ยังเป็นทิศทางขาขึ้น แต่มีอัปไซต์ที่น้อยกว่าครึ่งปีแรก เพราะตลาดซึมซับรับข่าวคาดหวังในเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 และการเปิดประเทศไว้แล้ว โดยนักลงทุนให้เป้าหมายดัชนีปีนี้ไว้ที่ 1,650 จุด แต่มีปัจจัยที่ยังต้องติดตาม คือการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน และยุโรป จากการทยอยเปิดประเทศหลังฉีดวัคซีน ซึ่งจะทำให้ภาคส่งออกไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย รวมทั้งการติดตามผลการประชุมธนาคารกลางในยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอังกฤษ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการเฝ้าระวังการระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย เวียดนาม ที่อาจกระทบต่อไทย
ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามใกล้ชิด คือ การจัดสรรและกระจายวัคซีนให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 100 ล้านโดสภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนและส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งติดตามผลการพิจารณา พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพิ่มเติม วงเงิน 500,000 ล้านบาท และผลการประชุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 23 มิ.ย.นี้
ด้านนางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiMBA) กล่าวถึงดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุม กนง. รอบเดือน ก.พ.64 ว่า อยู่ที่ 47 ไม่เปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้า สะท้อนว่า ตลาดคาดว่าการประชุม กนอ. เดือน มิ.ย.นี้ จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.5% เพราะเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าลงจากโควิด ระลอก 3 นอกจากนี้ ธปท.ได้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจและเอสเอ็มอีต่างๆ ดังนั้น ความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงน้อยลง และอัตราปัจจุบัน ยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ.