น.อ.อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เปิดเผยว่า อพท.ได้ร่วมลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับอีก 7 หน่วยงาน อาทิ จังหวัดนครราชสีมา, องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี, สมาคมโคราชจีโอพาร์คและฟอสซิล เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของอุทยานธรณีโคราช (โคราชจีโอพาร์ค) สู่การเป็นอุทยานธรณีโลก ตามเกณฑ์ขององค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เพื่อผลักดันให้จังหวัดนครราชสีมาบรรลุเป้าหมายการเป็นดินแดนแห่ง 3 มงกุฎของยูเนสโก หรือ “TheUNESCO Triple Crown” โดยจะดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดนครราชสีมา เพื่อทำให้โคราชจีโอพาร์ค ให้เป็นแหล่งโบราณคดีทางธรณีวิทยาระดับโลก
“ที่ผ่านมายูเนสโกได้ให้การรับรองแล้ว 2 พื้นที่ในนครราชสีมา ได้แก่ พื้นที่มรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช อำเภอวังน้ำเขียว จึงต้องผลักดันอุทยานธรณีโคราชให้เป็นอีก 1 พื้นที่ เพื่อก้าวสู่ดินแดนแห่ง 3 มงกุฎของยูเนสโก”
ดังนั้น จึงมอบให้สำนักงานพื้นที่พิเศษ 2 (อพท.2) ที่ดูแลและพัฒนาพื้นที่อารยธรรมอีสานใต้กับจังหวัดนครราชสีมา ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวและเส้นทางการท่องเที่ยว เพื่อขับเคลื่อนอุทยานธรณีโคราชไปสู่การสร้างคุณค่าระดับโลก โดย อพท.2 จะเข้าไปต่อยอดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่ชุมชนท่าช้างอำเภอเฉลิมพระเกียรติ และชุมชนมะค่า อำเภอเมืองนครราชสีมา โดยจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
ทั้งนี้ ความโดดเด่นของจีโอพาร์ค โคราช คือเป็นแหล่งโบราณคดีทางธรณีวิทยา เพราะค้นพบแหล่งฟอสซิลขนาดใหญ่ ไม่ว่าช้างดึกดำบรรพ์ หนูโบราณ จระเข้โบราณ ไดโนเสาร์และไม้กลายเป็นหิน หากสามารถขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของยูเนสโก ผลสำเร็จของการดำเนินการจะนำไปสู่การสร้างการรับรู้และยกระดับความพร้อมของจังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับนานาชาติต่อไป.