“พล.อ.ประยุทธ์” ย้ำ หลังโควิด-19 คลี่คลาย ปฏิรูปเศรษฐกิจต้องชัดเจน ลุกให้เร็ว ก้าวให้ไว ชี้ ต้องความสำคัญในการเร่งรัดพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (21 พ.ค.64) เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 1/2564 ผ่าน VDO Conference ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความสำคัญในการเร่งรัดพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงกับประชาชนและภาคเอกชนในพื้นที่ ทั้งการเพิ่มรายได้ สร้างงานและอาชีพ เพื่อลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งให้เตรียมแผนบริหารแรงงานอย่างเป็นระบบทั้งแรงงานในประเทศและต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยต่างๆ ลดปัญหาคนว่างงานในอนาคต โดยมอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีเขตเศรษฐกิจพิเศษพิจารณาจัดตั้งกลไกการบริหารจัดการ ในระดับพื้นที่เพื่อประสานการขับเคลื่อนการพัฒนาให้เป็นไปตามนโยบายของ กพศ. และสอดคล้องกับความต้องการของทุกภาคส่วนในพื้นที่ด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการกำหนดพื้นที่และแนวทางในการให้สิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมการลงทุน 4 ภาค
พร้อมมอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านสิทธิประโยชน์ กำหนดพื้นที่ และศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ พิจารณากำหนดขอบเขตพื้นที่ของแต่ละระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ กิจการเป้าหมาย และสิทธิประโยชน์ และนำเสนอ กพศ. เพื่อพิจารณาต่อไป รวมทั้งให้จังหวัดที่อยู่ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษของทั้ง 4 ภาค ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการกำหนดพื้นที่ที่มีความเหมาะสมให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ และสิทธิประโยชน์ที่จะให้แก่ผู้ประกอบการในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษแต่ละแห่ง รวมทั้งวัตถุประสงค์ เป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน และการบริหารจัดการให้เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำด้วยว่า ห้วงเวลานี้เป็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้น เรื่องการปฏิรูปเศรษฐกิจต้องชัดเจน ลุกให้เร็ว ก้าวให้ไว เพื่อรองรับหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะคณะกรรมการ กพศ. จะต้องเป็นหลักในการที่จะทำให้รัฐบาลสามารถที่จะตัดสินใจในการอนุมัติแผนงาน/โครงการและการดำเนินโครงการต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ รวมถึงภารกิจ พันธกิจ และการบูรณาการ Agenda เหล่านี้ ทุกกระทรวงต้องช่วยกัน ส่วนการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษของทั้ง 4 ภาค (ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคกลาง-ตะวันตก และภาคใต้) ต้องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของแต่ละพื้นที่อย่างเต็มที่ก่อนขยายเชื่อมโยงไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ที่มีศักยภาพและความพร้อม รวมทั้ง BOI ต้องมีการปรับกฎ ระเบียบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนมาลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการดึงคนที่มีศักยภาพ Talent คนสูงอายุที่มีกำลังทรัพย์ และโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงการพิจารณาในเรื่องของ Free Zone เช่นเดียวกับหลายประเทศได้ดำเนินการอยู่ เป็นต้น การดำเนินการดังกล่าวนี้คืออนาคตของประเทศและเศรษฐกิจไทย.