กรณีเลวร้ายจีดีพีปีนี้ลงเหลือ 1.8% คลังลดเติบโตเซ่นโควิดรอบ 3 ปรับแผนใช้งบ

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ใหม่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกเดือน เม.ย.2564 โดยประมาณการว่าขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ 2.3% ต่อปี ปรับตัวลดลงจากประมาณการเมื่อเดือน ม.ค.64 ที่ 2.8% ต่อปี

โดยปัจจัยหลักมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่คาดว่าจะลดลงเหลือ 2 ล้านคน จากเดิมคาด 5 ล้านคน ซึ่งเป็นการปรับสมมติฐานลดลงกว่า 70% จากประมาณการเดิม ขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 100,000 ล้านบาท เหลือ 170,000 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยว 260,000 ล้านบาท ขณะที่คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ 1.4%

“การปรับประมาณการเศรษฐกิจครั้งนี้ เป็นการปรับครั้งที่ 3 ของ สศค.ส่วนอนาคตจะมีการปรับอีกหรือไม่ ต้องรอประเมินผลสถานการณ์โควิดอีกครั้งว่าจะขยายวงกว้างมากน้อยแค่ไหน โดยเชื่อว่าจะอยู่ในช่วง 1.8-2.8% อย่างไรก็ตาม สศค. จะซึ่งต้องติดตามสถานการณ์การระบาดของโควิดอย่างใกล้ชิด เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และนำไปสู่การออกมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูต่อไป”

น.ส.กุลยา กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการต่างๆ ของรัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น จะเป็นเม็ดเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจำเป็นต้องเร่งการเบิกจ่ายใช้เงินให้เป็นตามแผน โดยจะต้องมีแผนการใช้เงินทั้งหมดภายใน ก.ย.นี้ โดยขณะนี้ ครม.ได้อนุมัติให้ใช้เงินแล้ว 760,000 ล้านบาท มีเบิกจ่ายแล้ว 85.4% ของวงเงินอนุมัติ มีวงเงินเหลืออยู่อีก 237,000 ล้านบาท สามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งการแพร่ระบาดไวรัสโควิดระลอก เม.ย.นี้ ทำให้มีการปรับประมาณการเบิกจ่ายได้ทั้งหมดภายในเดือน ก.ย.นี้ ก็จะเป็นผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้

“กระทรงการคลังจะเร่งสรุปมาตรการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูภายในเดือน พ.ค.นี้ จะมีความชัดเจน ทั้งโครงการคนละครึ่ง โครงการชักชวนให้คนออกมาใช้จ่าย และออกมาท่องเที่ยว ภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกันและมาตรการอื่นๆที่รัฐบาลกำลังพิจารณา ทั้งนี้ ไทยยังมีฐานะการคลังที่มั่นคง เพดานหนี้สาธารณะอยู่ที่ 53.2% จีดีพี ทำให้มีความพร้อมดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป”.