"บิ๊กตู่" ใจชื้นส่งออกช่วยพยุงเศรษฐกิจ สั่งดูแล "ราคาเหล็ก" หวั่นกระทบต้นทุน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในเรื่องความเข้มแข็งเศรษฐกิจไทย ถ้าเรามองแง่เศรษฐกิจรายครัวเรือนอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่เศรษฐกิจในภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังมีการขยายตัว โดยได้รับรายงานว่ามีอัตราขยายตัวสูงสุดในรอบหลายเดือน ทั้งด้านอุตสาหกรรมและพาณิชย์ รวมทั้งมีแนวโน้มกำลังซื้อจากต่างประเทศมากขึ้น เป็นวิกฤติที่เป็นโอกาส ซึ่งมีวิกฤติโควิดแต่มีโอกาสส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอาหาร พืชผลการเกษตร โลกมีปัญหาเรื่องอาหารการกิน เราก็ต้องใช้ศักยภาพให้เต็มที่ และใช้นโยบายรัฐบาลดำเนินการต่อไปเพื่อติดต่อกับประเทศต่างๆทั้งทวิภาคีและพหุภาคี

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี เห็นว่าผลการจัดอันดับของบริษัท Japan Credit Rating Agency, Ltd. หรือ JCR ที่คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทย ที่ระดับ A - และยืนยันมุมมองในระดับที่มีเสถียรภาพ เป็นเรื่องที่น่ายินดีสะท้อนมุมมองของต่างประเทศต่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทยและแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจรัฐบาล

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในการประชุม ครม.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ เข้าไปดูแลปัญหาราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงเวลานี้ เพื่อลดกระทบต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีเหล็กเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งหากไม่เร่งดูแลจะกระทบต่อไปยังปัญหาการจ้างงานในระยะต่อไปได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานว่า ราคาเหล็กในประเทศได้ปรับตัวขึ้นไป ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของทั่วโลก และการเตรียมปรับนโยบายอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศผู้ผลิตขนาดใหญ่ เช่น จีน ซึ่งในช่วงเวลาที่ตลาดไม่มีความแน่นอน ขอให้เข้าไปช่วยดูแลภายใต้กฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศที่มี รวมทั้งสื่อสารกับผู้ประกอบการว่า ขณะนี้เกิดปัจจัยเสี่ยงใดขึ้นบ้างต้องป้องกันความเสี่ยงระยะสั้นและยาวอย่างไร.