กว่า 7 ปีแล้วกับการเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย วันนี้ “แกร็บ” (Grab) กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทยจำนวนไม่น้อย นับจากวันแรกที่เข้ามาเพื่อให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน ปัจจุบันได้ขยายการให้บริการ ฟู้ดเดลิเวอรี่ บริการสั่งสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ต บริการผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน ระบบชำระเงินออนไลน์ หรืออีวอลเล็ต บริการทางด้านการเงินต่างๆ รวมไปถึงอีกหลายบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
หนึ่งในหัวใจสำคัญซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับแกร็บ คงหนีไม่พ้นเหล่า “พาร์ทเนอร์คนขับ” หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า “พี่แกร็บ” ที่ให้บริการรับส่งผู้โดยสาร จัดส่งอาหารและพัสดุ จนเปรียบเสมือนพรีเซนเตอร์ของแกร็บไปโดยปริยาย
สองผู้บริหารของ แกร็บ ประเทศไทย มีเรื่องราวมาเล่าให้ฟังถึงการมุ่งยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านการใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของในวงจรธุรกิจ
วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการบริหาร แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “ธุรกิจของแกร็บในวันนี้เกิดขึ้นจากเจตนารมณ์อันแรงกล้าของผู้ก่อตั้งบริษัทฯ ที่มุ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี หรือแอปพลิเคชันแกร็บ ซึ่งเราเรียกพันธกิจนั้นว่า GrabForGood หรือ ‘แกร็บ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ จวบจนถึงวันนี้ เรามีคนขับและผู้ประกอบการร้านค้า หรือที่เรียกว่าพาร์ทเนอร์มากกว่า 9 ล้านรายทั่วทั้งภูมิภาคที่ใช้แอปพลิเคชันของเราเป็นช่องทางในการสร้างรายได้เพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว”
สำหรับในประเทศไทยมีพาร์ทเนอร์คนขับนับแสน ครอบคลุมในทุกบริการ ไม่ว่าจะเป็น ส่งคน ส่งข้าว หรือส่งของ โดยส่วนใหญ่พวกเขาเลือกให้บริการเป็นงานพาร์ทไทม์เพื่อหารายได้เสริม โดยแกร็บไม่เพียงจะให้ความสำคัญกับการบริหารค่าตอบแทนให้สมดุลและสอดคล้องกับระบบอุปสงค์อุปทาน แต่แกร็บยังพยายามจัดสรรสิทธิประโยชน์เสริมอื่นๆ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับคนขับด้วย แม้แต่ในช่วงวิกฤติโควิด นอกจากจะจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน อย่างหน้ากากอนามัยหรือเจลล้างมือแล้ว ยังได้ร่วมมือกับกรมควบคุมโรคจัดกิจกรรมตรวจเชื้อโควิดเชิงรุกให้กับคนขับด้วย นอกจากนี้ ยังได้ทำประกันเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนค่าตรวจ และคุ้มครองรายได้ให้กับคนขับที่ป่วยจากโรคโควิด-19
เมื่อถูกถามถึงความท้าทายที่แกร็บต้องเผชิญจากข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวกับพาร์ทเนอร์คนขับ วรฉัตร ยอมรับว่า ยังมีสิ่งที่แกร็บต้องพัฒนาและปรับปรุงอีกหลายจุดเพื่อให้สามารถดูแลพาร์ทเนอร์ให้ดียิ่งขึ้น การบริหารความคาดหวังของคนนับแสนถือเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่ไม่น้อย แต่ทุกครั้งที่มีการเรียกร้องของพาร์ทเนอร์คนขับ เราพยายามรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริง อย่างประเด็นเรื่องกฎระเบียบต่างๆ คนขับบางกลุ่มอาจมองว่าแกร็บเข้มงวดเกินไป แต่อยากชวนให้มองอีกมุมว่า สิ่งเหล่านี้มีขึ้นเพื่อรักษามาตรฐานในการให้บริการ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
“ล่าสุดเราได้ขยายความคุ้มครองของการทำประกันอุบัติเหตุให้ครอบคลุมทั้งในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการรับงาน หรือการบริหารค่าตอบแทน ก็พยายามดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนขับโดยรวมมากที่สุด ขณะเดียวกัน พยายามปรับปรุงการสื่อสารกับคนขับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หาแนวทางที่เหมาะสมในการรับฟัง เช่น การทำแบบสอบถามความคิดเห็นในทุกไตรมาส หรือจัดกิจกรรมกระชับสัมพันธ์อย่างเป็นประจำ
ไม่เพียงเท่านั้น แกร็บ โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในประเทศสิงคโปร์ เพิ่งประกาศตั้งกองทุน GrabForGood ที่มีมูลค่าตั้งต้น 275 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อใช้ดำเนินโครงการที่สนับสนุนพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า รวมถึงสร้างประโยชน์ให้กับสังคมโดยรวม ในช่วงเริ่มต้นกองทุนจะถูกใช้ในการจัดหาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ นี่เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นที่พยายามสานต่อเจตนารมณ์ในการส่งเสริมพาร์ทเนอร์ของเราให้มีชีวิตที่ดีกว่า”
จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรทางธุรกิจ แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ล่าสุด แกร็บ ประเทศไทย เตรียมส่งแคมเปญพิเศษที่ชื่อ “จากใจแกร็บ ให้พี่คนขับ” เพื่อแสดงความขอบคุณและส่งต่อกำลังใจให้กับพาร์ทเนอร์คนขับที่ทุ่มเทให้บริการด้วยใจเสมอมา
แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวและประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นจากการให้บริการของพี่ๆ คนขับ ไม่ว่าจะเป็น การรับส่งผู้โดยสาร หรือการจัดส่งอาหารและสินค้า ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการในทุกๆ วัน แม้บางครั้งอาจต้องพบกับความท้าทายต่างๆ แต่พี่ๆ คนขับก็ยังทุ่มเทให้บริการด้วยใจ โดยเราได้หยิบยกเรื่องราวดีๆ เหล่านี้ออกมาถ่ายทอดเป็นคลิปวิดีโอ รวมถึงสื่อต่างๆ เพื่อเป็นการขอบคุณและส่งต่อกำลังใจพวกเขา
“แกร็บยังได้เตรียมเซอร์ไพรส์พิเศษสำหรับพี่ๆ คนขับโดยเฉพาะ พร้อมกับการเปิดตัวสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับพาร์ทเนอร์คนขับภายใต้โครงการ ‘Grab จัดให้’ ในเดือนพฤษภาคมนี้ และสำหรับใครที่มีประสบการณ์ประทับใจจากการใช้บริการ ก็สามารถร่วมแบ่งปันเรื่องราวน่ารักๆ ผ่านโซเชียลมีเดียของแกร็บได้นะคะ”
แคมเปญ “จากใจแกร็บ ให้พี่คนขับ” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่ชวนให้ทุกคนร่วมส่งต่อกำลังใจและพลังบวกไปให้เหล่าฮีโร่เสื้อเขียวที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของพวกเรา
เพราะแกร็บคงเป็นแอปธรรมดา ถ้าไม่มีพี่แกร็บที่ทำงานอย่างทุ่มเท!