นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยผลการประชุม คนร. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) จัดทำโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือ “บ้านเคหะสุขประชา” เป้าหมาย 100,000 หน่วย ในพื้นที่กรุงเทพฯและในส่วนภูมิภาค ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี แบ่งเป็นปีละ 20,000 หน่วย ภายใต้แนวคิด “บ้านเคหะสุขประชา=บ้านพร้อมอาชีพ” โดยมอบหมายให้ กคช.จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมในการดำเนินโครงการให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว โดยให้มีการพิจารณานำการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน (PPP) มาใช้ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นำเสนอแนวทางการดำเนินการให้ คนร. พิจารณาอีกครั้งต่อไป
ที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานตามความเห็นและข้อเสนอแนะของ คนร.เกี่ยวกับนโยบายต่อการพัฒนารัฐวิสาหกิจ เรื่องการปรับโครงสร้างองค์กรและกระบวนการทำงาน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19 โดยนำโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ 3 มิติ คือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model มาใช้ ซึ่ง สคร.ได้นำความเห็นเชิงนโยบายข้างต้นไปปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ สำหรับรัฐวิสาหกิจ ใช้ในการวางแผนในปี 2565 ด้วยแล้ว
นอกจากนี้ ได้รับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2562 ของบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่ปัจจุบันมี 123 แห่ง โดยมีบริษัทในเครือที่มีผลกำไรจำนวน 71 แห่ง ขาดทุนจำนวน 25 แห่ง และอยู่ระหว่างยุบเลิกหรือถอนการลงทุน 27 แห่ง โดย คนร.ได้มีนโยบายให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาความจำเป็นและกำกับดูแลบริษัทในเครือให้ดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ สร้างผลกำไรให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และมีผลตอบแทนให้แก่รัฐวิสาหกิจ ส่วนบริษัทในเครือที่ไม่จำเป็นต่อการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ก็ให้รัฐวิสาหกิจพิจารณายุติกิจการโดยเร็วต่อไป
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงความสำคัญของรัฐวิสาหกิจว่าเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศ พร้อมฝากให้บุคคลที่ถูกแต่งตั้งเข้ามาเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยสุจริต โปร่งใส เป็นธรรม และส่งเสริมให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานด้วย.