นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่เห็นชอบให้ขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกันเพิ่มอีก 2 ล้านห้องพัก ให้จองภายในเดือน ก.ค. และเดินทางได้ถึงสิ้นเดือน ก.ย.2564 ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสนอผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่มีเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธาน เนื่องจากเห็นว่าจำนวนห้องพักเดิมถูกจองเต็ม 6 ล้านห้องแล้ว และวงเงินที่ ครม.อนุมัติวงเงินไว้ 15,000 ล้านบาท ยังเหลืออยู่ 5,866 ล้านบาท
โดยเหตุผลที่ ครม.ยังไม่ให้ขยายโครงการออกไป เพราะคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ ต้องการให้ ททท.หาทางแก้ปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการให้ได้ก่อน เพราะที่ผ่านมาทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ และยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะป้องกันการทุจริตได้อย่างเป็นรูปธรรม
“มีข้อเสนอให้ยกเลิกเงินสนับสนุนจากภาครัฐในส่วนอี-วอชเชอร์ จนถึงให้มีการสแกนใบหน้าในการเช็กอินก่อนเข้าพัก และหาก ททท.ไม่สามารถป้องกันทุจริตของโครงการได้ก็ให้สิ้นสุดโครงการตามกำหนดเดิมวันที่ 30 เม.ย.2564 และให้เร่งดำเนินคดีกับผู้ทำทุจริตอย่างเข้มงวด และให้เสนอโครงการใหม่ที่เห็นว่าสามารถช่วยกระตุ้นภาคท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสได้ ใช้สิทธิ์ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก ป้องกันทุจริตได้รัดกุม และปฏิบัติได้จริง ซึ่งกรณีที่ ททท.มีข้อเสนอมากกว่า 1 โครงการให้เสนอคณะกรรมการฯพิจารณาในคราวเดียวกัน”
นอกจากนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ยังได้ขอมติจากที่ประชุม ครม.บังคับให้หน่วยงานต่างๆที่ได้รับการอนุมัติโครงการโดยใช้เงินกู้ไปแล้ว แต่มีผลการเบิกจ่ายเงินต่ำกว่า 10% ณ วันที่ 1 ก.พ.2564 จำนวน 141 โครงการ รวมวงเงิน 5,771 ล้านบาท จากทั้งสิ้น 209 โครงการ ซึ่งต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายโดยเร็ว หากยังไม่สามารถลงนามในสัญญาหรือยังนิ่งเฉยไม่มีแผนใช้จ่ายใน ส่วนงบดำเนินงานที่ชัดเจนภายในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ก็ต้องยุติโครงการและต้องส่งคืนเงินกู้ที่เหลือมาให้รัฐทันที.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง