เขียนถึง เวียดนาม ทีไร ผมก็คิดถึง ประเทศไทยยุคโชติช่วงชัชวาล สมัย “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้พลิกฟื้นเศรษฐกิจตกต่ำของไทย จนฟื้นกลับมาโชติช่วงชัชวาลในเวลาไม่กี่ปี สมัยนั้น พ.ศ.2523–2531 เศรษฐกิจเวียดนามยังเป็นวุ้นอยู่เลย แต่วันนี้ เวียดนามกำลังจะแซงหน้าไทยหลายด้าน เพราะมีผู้นำเก่งกว่าไทย นโยบายเศรษฐกิจ 5 ปีล่าสุด 2564–2568 ที่ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เพิ่งอนุมัติเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ตั้งเป้าจีดีพีเติบโตปีละ 6.5–7.0% แต่เป้าจีดีพีไทยปี 2564 เติบโตเพียง 3% ทำให้นักลงทุนทั่วโลกสนใจเวียดนามอย่างมาก
เวียดนาม ยังตั้งเป้าหมาย เป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีอุตสาหกรรมทันสมัย มีรายได้ปานกลางระดับต่ำภายในปี 2568 เมื่อครบแผนพัฒนาใหม่ 5 ปี และ เป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีอุตสาหกรรมทันสมัย มีรายได้ปานกลางระดับสูงภายในปี 2573 อีก 9 ปีข้างหน้า
พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ยังประกาศเป้าหมายสูงกว่านั้น เป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีรายได้สูงภายในปี 2587 จ่อหลังประเทศไทยมาติดๆ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศ “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561–2580)” ตั้งเป้าประเทศไทยเป็น “ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2580” แต่เศรษฐกิจเวียดนาม ซึ่งยังเป็นวุ้นเมื่อ 40 ปีก่อน วันนี้วิ่งขึ้นมาจ่อหลังไทยห่างกันไม่ถึง 7 ปี และ ทำท่าจะแซงไทยขึ้นไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีรายได้สูงก่อนไทย
ผมไม่ได้พูดเล่น ในแผน “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” ไทยตั้งเป้าหมายไว้ว่า
ประเทศไทยจะเป็น ประเทศที่พัฒนาแล้วเมื่อสิ้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 ในปี 2580 โดย คนไทยจะได้มีรายได้เฉลี่ย 15,000 ดอลลาร์ 450,000 บาทต่อคนต่อปี โดยมี อัตราการขยายตัวของจีดีพีไม่ตํ่ากว่าร้อยละ 5 ต่อปี ในช่วง 20 ปี หมายความว่า ตั้งแต่ปี 2561–2580 จีดีพีไทยต้องเติบโตไม่ตํ่ากว่าปีละ 5% และ รายได้ต่อหัวคนไทยต้องเพิ่มขึ้นในเกณฑ์สูงสุด 250 ดอลลาร์ 7,500 บาทต่อคนต่อปี
แต่ “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เพิ่งใช้มาได้ 3 ปี กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ใน 3 ปีแรกตํ่ากว่าแผนหมด จีดีพีปี 2561 ขยายตัว 4.1% จีดีพีปี 2562 ขยายตัว 2.3% และ จีดีพีปี 2563 ติดลบ 6.1% รายได้ต่อหัวคนไทยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นปีละ 250 ดอลลาร์ก็ไม่ได้ คนจนกลับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
วันนี้ เงินลงทุนจากต่างชาติ (FDI) ไหลไปลงทุนในเวียดนามมากกว่าไทย จนเทียบกันไม่ได้ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง แอปเปิล ไมโครซอฟท์ อินเทล โซนี่ ซัมซุง ก็ไปลงทุนในเวียดนาม ตัวเลขสิ้นปี 2563 FDI สะสมเวียดนามมีมากกว่า 386,000 ล้านดอลลาร์ 11.58 ล้านล้านบาท ปี 2563 FDI เวียดนามก็สูงกว่าไทย 2–3 เท่า เวียดนามยังมีข้อตกลงการค้าเสรีขนาดใหญ่ 2 ข้อตกลง คือ ข้อตกลงการค้าเสรี CPTPP และ ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-ยุโรป แต่ไทยไม่มี มีเพียง RCEP ที่ยังไม่เห็นผลอะไร
คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม ให้ความเห็นว่า นโยบายเศรษฐกิจ 5 ปีของเวียดนาม เน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทค อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดประเทศรับนักลงทุนมากขึ้น แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคการลงทุน และ ให้แต่ละจังหวัดแข่งขันกันพัฒนาเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ไทยแม้จะมีเขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (EEC) แต่ก็เสียเปรียบเวียดนามเรื่องการอำนวยความสะดวกการทำธุรกิจ มีข้อจำกัดด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ทุกอย่างต้องขึ้นกับกระทรวง
ยิ่งดูเวียดนาม ก็ยิ่งเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย เห็นความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน หากไม่แก้ไขจุดนี้โดยเร็วที่สุด ไทยแพ้เวียดนามแน่นอน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”