“สุชาติ” ประธานบอร์ด อคส.ยันซื้อถุงมือยางแสนล้าน ไม่ใช่นโยบายของตน และไม่ได้ทำสัญญา เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ อคส.ดำเนินการเอง ด้าน “รองประธานบอร์ด” ออกโรงโวยโครงการใหญ่ขนาดนี้ ไม่เคยเสนอให้บอร์ด ลั่น “คนบ้า คนคลุ้มคลั่งเท่านั้นที่กล้าทำ” ด้าน “จุรินทร์” ไม่สะท้าน ยันชิลๆ ทำหน้าที่เป็น “ผู้ปราบโกง” ไม่ได้สมคบกับใครทำทุจริต
นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการ คณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา กรณีที่ อคส.จัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้รัฐเสียหายถึง 2,000 ล้านบาท และตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อครั้งนี้ว่า ยืนยันว่า การจัดซื้อถุงมือยางดังกล่าว ไม่ได้เป็นนโยบายของตนตามที่มีการกล่าวอ้าง และตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำ สัญญาซื้อขาย เป็นเรื่องของฝ่ายปฏิบัติ ที่จะดำเนินการ ซึ่งนโยบายของตนที่ให้กับ อคส.มี 3 ข้อ คือ พัฒนาบุคลากร พัฒนาองค์กร และหารายได้ให้กับองค์กร
“ผมไม่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงมือยางครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ฝ่ายปฏิบัติดำเนินการ และไม่รู้ว่าเป็นไอเดียของใคร เพราะที่ผ่านมา มีหลายคนเสนอไอเดียในการจัดหารายได้ให้องค์กรเยอะมาก ใครมีอะไรก็เสนอเข้ามา ตอนนี้ ผมคิดอย่างเดียวว่าจะเอาเงิน 2,000 ล้านบาท ที่ อคส.จ่ายเป็นค่ามัดจำถุงมือยางไปแล้ว มาคืนได้อย่างไร โดยเรื่องนี้ อคส.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว 3 ชุด คือ ตรวจสอบข้อเท็จจริง สอบวินัยผู้เกี่ยวข้อง และสอบรับผิดทางละเมิด ขณะเดียวกัน อคส.ก็ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สืบสวนสอบสวนแล้ว ล่าสุด อยู่ระหว่างการพิจารณา”
ส่วนเรื่องคลิปเสียงบันทึกการประชุมบอร์ด อคส.วันที่ 26 ส.ค.63 ที่เปิดเผยในรัฐสภาระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และระบุว่าเป็นเสียงของตน ที่พูดเหมือนกับว่า เรื่องการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางเป็นเรื่องลับ รอนายจุรินทร์มากดเดินนั้น นายสุชาติกล่าวว่า ขณะนี้ กำลังปรึกษากับทีมที่ปรึกษากฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การถูกพาดพิงครั้งนี้ ทำให้ถอดใจ และจะลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด อคส.หรือไม่ นายสุชาติ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ถามผู้สื่อข่าวว่ามีอะไรจะแนะนำผมหรือไม่ ส่วนเมื่อถามว่า นายจุรินทร์ ได้หารืออะไรในเรื่องนี้บ้าง นายสุชาติกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย
ด้าน พล.ต.ดร.ดิเรก ดีประเสริฐ รองประธานบอร์ด อคส. กล่าวยืนยันว่า การจัดซื้อถุงมือยางดังกล่าวบอร์ด อคส.ไม่ทราบเรื่องมาก่อน ทั้งๆที่เป็นโครงการใหญ่ขนาดนี้และมีมูลค่าซื้อขายนับแสนล้านบาท มีการถอนเงินออกจากบัญชี อคส.ไปจ่ายเงินมัดจำสินค้าถึง 2,000 ล้านบาท แต่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ รักษาการผู้อำนวยการ อคส.ซึ่งดำเนินการในเรื่องนี้ กลับไม่เสนอให้บอร์ดพิจารณา หรือแม้แต่รายงานให้บอร์ดได้รับทราบก็ไม่มี บอร์ดเพิ่งทราบเรื่อง ก็เมื่อเป็นข่าวแล้ว
“โครงการใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่เสนอให้บอร์ดพิจารณา คนบ้า คนคลุ้มคลั่งเท่านั้นที่กล้าทำ คนสติดี ไม่มีใครทำกันหรอก ทำเหมือนเด็กเล่นขายของ เรื่องเก่ายังสะสางไม่หมด นี่มีเรื่องใหม่มาอีกแล้ว การประชุมบอร์ดวันนี้ (23 ก.พ.) คงต้องถามประธานบอร์ด เพราะถูกพาดพิงในสภา แต่คงไม่กดดันอะไรประธานบอร์ด ให้พิจารณาเอาเองว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับบอร์ดทุกคนด้วย เพราะบอร์ดไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วยเลย และทุกคนที่มาเป็นบอร์ด เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และไม่เคยมีประวัติ ด่างพร้อย อย่างตนเป็นทหาร และเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนเสนาธิการทหารบก เป็นอาจารย์สอนคน ไม่กล้าทำเรื่องพวกนี้”
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องถุงมือยางต่อ ป.ป.ช.ว่า ตนไม่มีอะไรเป็นห่วง เพราะได้มอบหมายให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ ยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และโดยเฉพาะ ป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.63 หลังตนทราบเรื่องการจัดซื้อโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ถึง 10 วัน และเรื่องเข้าสู่การไต่สวนของ ป.ป.ช.แล้ว โดย ป.ป.ช.ได้ตั้ง อนุกรรมการไต่สวนและได้มีการอายัดเงิน 2,000 ล้านแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ตนเข้ามาทำหน้าที่ในฐานะ “ผู้ปราบโกง” ไม่ใช่เข้าไปสมคบกับใครทำทุจริตแต่อย่างใดทั้งสิ้น.