ครม.ไฟเขียว 28,252 ล้านบาท แจกเงินให้ชาวนา 4.6 ล้านครัวเรือน ครัวเรือนละ 10,000 บาท เป็นค่าบริหารจัดการ-พัฒนาคุณภาพข้าว ส่วนอีก 188 ล้านชดเชยดอกเบี้ยโรงสี และยังอนุมัติเงินอีกกว่า 4,000 ล้านประกันราคาปาล์ม ชี้ต้องป้องกันก่อน แม้ราคาปาล์มวันนี้พุ่งสูงโลละ 7.50 บาท ด้าน “พาณิชย์” ขอความร่วมมือน้ำมันปาล์มขวดตรึงราคาช่วยผู้บริโภค
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้เพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการ และพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 วงเงิน 28,046 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายให้กับชาวนาที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไปใช้เป็นค่าบริหารจัดการ และพัฒนาคุณภาพผลผลิต ในอัตราไร่ละ 500 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาทต่อครัวเรือน เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของโควิด-19 ได้ประมาณ 4.6 ล้านครัวเรือน
สำหรับการดำเนินโครงการนี้มีกรอบวงเงินรวม 56,093 ล้านบาท ภายใต้ระยะเวลาตั้งแต่เดือน ส.ค.2563-พ.ค.2564 โดยกำหนดระยะเวลาการจ่ายเงินตั้งแต่เดือน ส.ค.2563-เม.ย.2564 ซึ่งที่ผ่านมาที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบโครงการไปแล้วและอนุมัติจ่ายเงินไปแล้วครึ่งหนึ่ง วงเงิน 28,046 ล้านบาท จึงยังเหลือวงเงินอีกครึ่งหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ เพราะชาวนาส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 รวมถึงสามารถช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้กับชาวนาได้ กระทรวงพาณิชย์จึงได้เสนอ ครม.เห็นชอบดำเนินการส่วนที่เหลือ
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 188.95 ล้านบาท สำหรับโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกของปีการผลิต 60/2561 จำนวน 220,000 บาท และปีการผลิต 61/2562 จำนวน 188.73 ล้านบาท ในส่วนที่ยังไม่ได้รับการเบิกจ่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกและเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการดูดซับผลผลิตข้าว โดยมีปริมาณเป้าหมายรวม 5 ล้านตัน ระยะเวลา 2-6 เดือน
“ที่ประชุม ครม.ยังอนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2564 วงเงิน 8,807.54 ล้านบาท โดยกระทรวงพาณิชย์ขอจัดสรรงบประมาณเบื้องต้น 4,613.04 ล้านบาทก่อน เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มปรับตัวสูงกว่าราคาประกันรายได้โดยอยู่ที่ กก.ละ 6.90 บาท แต่รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินโครงการประกันรายได้ชาวสวนปาล์มน้ำมันปี 2564 อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย”
ทั้งนี้ โครงการปี 2564 ใช้หลักการเดิมเช่นเดียวกับโครงการปีการผลิต 2562-2563 คือ ประกันรายได้ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ กิโลกรัมละ 4 บาท (คุณภาพน้ำมัน 18%) และเป็นพื้นที่ที่ให้ผลผลิตแล้ว 3 ปีขึ้นไป ระยะเวลาโครงการตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย.2564 ขณะที่ผลการดำเนินโครงการในปีการผลิต 2562/63 (ส.ค. 2562 -ธ.ค. 2563) ธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินประกันรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันไปแล้วจำนวน 378,892 ครัวเรือน รวมวงเงิน 7,221.21 ล้านบาท คิดเป็น 55.5% ของวงเงินที่ตั้งไว้เพื่อการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างแก่เกษตรกร 13,000 ล้านบาท
ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้า ภายใน ได้รายงานสถานการณ์ราคาผลปาล์มน้ำมันสด ที่เกษตรกรขายได้ว่า ราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จากกิโลกรัม (กก.) ละ 3.00-3.50 บาท ในช่วงกลางปี 63 เป็น กก.ละ 7.00 บาท ในช่วงปลายปี 63 และทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึง กก.ละ 7.50 บาทในปัจจุบัน ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ชาวสวนปาล์มจะมีรายได้จากการขายผลผลิตมากขึ้น จึงขอให้ชาวสวนปาล์มบำรุงรักษาต้นปาล์มให้มากขึ้น เพื่อจะได้มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม ราคาผลปาล์มน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดมาอยู่ที่ กก.ละ 39 บาท ซึ่งอาจมีต่อเนื่องให้ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในท้องตลาดปรับสูงขึ้น เป็นลิตร (ขวด) ละ 46-48 บาท จากก่อนหน้านี้ขายอยู่ที่ขวดละ 39-42 บาท และอาจส่งผลต่อภาระค่าครองชีพของผู้บริโภค
“คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เพราะผลปาล์มจะออกเพิ่มขึ้นจนเข้าสู่ภาวะปกติในเดือน มี.ค.นี้ จึงขอโอกาสนี้ให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ได้ขายผลผลิตในราคาสูงขึ้น และในส่วนของผู้บริโภค กรมจะประสานผู้ผลิตและผู้ค้าส่งค้าปลีกน้ำมันปาล์มขวดเพื่อการบริโภค ตรึงราคาขายให้นานที่สุด รวมถึงขอให้ผู้บริโภคลดภาระจากการซื้อหาน้ำมันปาล์มขวด โดยใช้น้ำมันทางเลือกอื่นแทนในช่วงระยะหนึ่งก่อน เช่น น้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งมีราคาไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เมื่อถึงฤดูที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ราคาผลปาล์มสดปกติ กรมจะแจ้งให้ผู้ผลิต และผู้ค้า ปรับลดราคาขายน้ำมันปาล์มขวดให้สอดคล้องกับราคาผลปาล์มน้ำมันต่อไป”.