นักวิชาการ หวั่นโควิดระบาดรอบ 2 ในสมุทรสาคร อาจรุนแรงต้องล็อกดาวน์ ธุรกิจล้มละลายจำนวนมาก แนะรัฐอัดงบคุมการแพร่ระบาดในวงจำกัด ให้ทุกคนใส่หน้ากาก คาดตลาดหุ้นปรับฐานครั้งใหญ่ เทขายทำกำไร ดัชนีดิ่งต่ำกว่า 1,438 จุด
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง กล่าวถึง ผลกระทบ "โควิด" ระลอกสองจากแรงงานต่างด้าวสมุทรสาคร ว่า รัฐบาลควรอนุมัติงบฉุกเฉินเพื่อดูแลผลกระทบต่อผู้ประกอบการและการชดเชยรายได้ให้กับแรงงานรายวันที่ถูกให้หยุดงาน จากมาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ ควรเพิ่มงบประมาณเพื่อตรวจหาเชื้อเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด โดยเฉพาะในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ นครปฐม ระนอง ตาก ราชบุรี เชียงใหม่ และเชียงราย ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย ถุงมือยางและเจลล้างมือ
รวมทั้งการจัดสรรเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอในบางจังหวัดที่อาจต้องมีผู้ที่เข้ารักษาตัวเพิ่มขึ้น ตั้งด่านในการตรวจโรคทุกคนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าว ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และต้องตรวจผู้ใช้บริการรถเมล์สายมหาชัยปากน้ำ เข้ามากรุงเทพฯ รวมทั้งรถสาธารณะจากสมุทรสาคร ไปยังจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย
นอกจากนี้หากมีปัญหาเรื่องขาดแคลนงบประมาณ รัฐบาลต้องให้การสนับสนุนการควบคุมให้การแพร่ระบาดอยู่ในวงจำกัด มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ หากเกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างและต้องล็อกดาวน์ทั่วประเทศแบบเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการจะเข้าสู่ภาวะการล้มละลายอีกจำนวนมาก พร้อมกับการว่างงานของผู้ใช้แรงงานในวงกว้าง ธุรกิจที่กำลังจะกระเตื้องขึ้นจะทรุดตัวลงไปอีก เสนอรณรงค์ให้ทุกคนใส่หน้ากาก 100% หากคุมระบาดระลอกสองไม่ได้ การติดเชื้อจะสูงกว่าระลอกแรก 4-5 เท่า และใช้เวลาควบคุมมากกว่า 2 เท่าจากตัวอย่างของหลายประเทศที่คุมการแพร่ระบาดระลอกสองไม่ได้
ส่วนการกระตุ้นการท่องเที่ยว ควรทำหลังเดือน มี.ค.ปีหน้า หากปล่อยให้มีการจัดงานปีใหม่รวมคนจำนวนมาก โดยไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การควบคุมโรคระบาดโดยเคร่งครัด มีความเสี่ยงสูงที่จะคุมการแพร่ระบาดไม่ได้ ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจจะหนักกว่าเดิมหลายเท่า เนื่องจากมีข้อจำกัดทางด้านการคลังและงบประมาณเพิ่มขึ้นตามลำดับและหนี้สาธารณะต่อจีดีพี จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หากจะหาเม็ดเงินงบประมาณมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบจากการล็อกดาวน์ หากคุมการแพร่ระบาดไม่ได้ ต้องไม่เลื่อน หรือลดภาษีทรัพย์สินอีก เพราะการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินไม่กระทบคนส่วนใหญ่และภาษีเหล่านี้ มีเป็นแหล่งรายได้หลักขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดูแลสวัสดิการประชาชนและพัฒนาพื้นที่
“การระบาดระลอกสองในไทยยังไม่รุนแรง เนื่องจากมีระบบติดตามไต่สวนโรคที่ดีจำกัดการแพร่ระบาดได้ และการแพร่ระบาดจากแรงงานต่างด้าวในตลาดกลางค้ากุ้งจังหวัดสมุทรสาคร การระบาดยังคงถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่จำกัดแต่มีการแพร่ระบาดค่อนข้างเร็ว และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ ทำให้อาจไปสัมผัสผู้คนจำนวนมากโดยไม่รู้ตัวว่าป่วย ทิศทางของเศรษฐกิจไทยและการกระเตื้องขึ้นของระบบเศรษฐกิจ จึงขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด ในระลอกสองในวงกว้าง”
สำหรับผลกระทบต่อตลาดการเงิน จะรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดที่สมุทรสาคร มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และอาจมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ไม่ตรวจพบ คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นน่าจะมีการปรับฐานครั้งใหญ่และมีการเทขายทำกำไรในสัปดาห์หน้า โอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวลงต่ำกว่า 1,438 จุดมีความเป็นไปได้ นอกจากนี้เงินบาทน่าจะชะลอการแข็งค่าลง พร้อมกับการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์.