นายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ใช้มาตรการปรับสูตรการพิมพ์ ลอตเตอรี่เป็นแบบไม่เรียงเลขทั้ง 100 ล้านใบ และเปลี่ยนวิธีการจัดชุดสลากใหม่เป็นแบบ 2-1-1-1 หรือสลากเลขเหมือน 2 ใบ 2 เล่ม และสลากใบเดี่ยว 3 เล่ม เริ่มงวด 16 ธ.ค.63 เป็นงวดแรก ได้ทำให้สลากรวมชุดหายไปจากตลาดอย่างชัดเจน โดยก่อนหน้านี้ประเมินว่า มีสลากชุดทุกประเภทตั้งแต่ชุด 2 ใบ จนถึงชุดใหญ่ 30 ใบ รวม 40 ล้านชุด แต่เมื่อใช้มาตรการนี้ทำให้สลากชุดลดลงไป 25 ล้านชุดเหลือแค่ 15 ล้านชุด
นอกจากนี้ยังพบว่าสลากชุดใหญ่ที่เคยวางขาย 15 ใบ 20 ใบ 30 ใบ ได้หายไปจากตลาด เหลือเพียงชุดเล็ก 2 ใบ 3 ใบ 4 ใบ และ 5 ใบเท่านั้น ขณะที่สลากชุด 10 ใบมีการประกาศขายทางออนไลน์ แต่ไม่มีวางขายตามแผงทั่ว ไป ทั้งนี้ สถานการณ์สลากใบเดียว พบว่า มีการวางขายเยอะขึ้น และราคาลดลงจากงวดก่อน ซึ่งปกติขายกันเกินใบละ 100 บาท แต่งวดนี้ลดเหลือใบละ 80-100 บาท ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีช่วยให้ประชาชนซื้อลอตเตอรี่ได้ถูกลง
“สถานการณ์ตลาดลอตเตอรี่ที่เกิดขึ้นในงวดนี้ เป็นสิ่งที่สำนักงานสลากคาดอยู่แล้ว โดยสลากชุดกลายเป็นของหายากจึงมีราคาแพงขึ้น แต่ก็ทำให้สลากใบถูกลง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำนักงานสลากฯต้องการทำให้สลากใบเดียวมีราคาถูก เพื่อดูแลประชาชนผู้ซื้อให้ได้รับความเป็นธรรม ขณะเดียวกันช่วยลดปัญหาการทำสลากรวมชุด ซึ่งเป็นต้นตอทำให้สลากราคาแพง ที่สำคัญยังช่วยกระจายโอกาสการถูกรางวัลให้ประชาชนได้มากที่สุด ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่กับคนซื้อสลากชุดเพียงไม่กี่คน”
สำหรับกรณีที่ผู้ค้าสลาก และนักเสี่ยงโชคต้องการซื้อลอตเตอรี่ชุดใหญ่ โดยขอให้มีการผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้มีสลากรวมชุดขายได้นั้น สำนักงานจะขอประเมินสถานการณ์ก่อน 2-3 เดือน เพื่อดูว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ และส่งผลดีผลเสียต่อส่วนรวมอย่างไร ขณะที่ความคืบหน้าสลากออนไลน์ ได้มีการจ้างสถาบันทำการศึกษาผลดีผลเสียรูปแบบต่างๆเพื่อดูผลกระทบในทุกมิติแล้ว ส่วนบรรยากาศการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลงวด 16 ธ.ค.63 ตลาดค้าส่งลอตเตอรี่ซบเซาหนัก ไม่ว่าจะเป็นตลาดคอกวัว ตลาดสนามบินน้ำ รวมถึงตลาดวังสะพุง จ.เลย เนื่องจากยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว ไม่สามารถซื้อลอตเตอรี่นำไปจัดทำสลากรวมชุดขายได้อีกโดยเฉพาะชุดใหญ่ 10 ใบ 20 ใบ 30 ใบ ซึ่งผู้ค้ารายย่อยนิยมซื้อไปขายต่อไม่มีขายเลย เหลือขายเพียงลอตเตอรี่ชุด 5 ใบเท่านั้น แต่ก็มีราคาแพงชุดละ 600-700 บาท.