กรมวิชาการเกษตรเตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาสารตกค้างในผัก–ผลไม้ หลัง “ไทยแพน” เปิดผลการสุ่มตัวอย่างพบ 58.7% มีสารพิษเกินมาตรฐานให้ระวังองุ่นแดงนอกและพุทราจีน ประสาน อย.ตรวจสอบร่วม เพื่อให้ผลผลิตการเกษตรของไทยปลอดภัยมากที่สุดสมเป็นครัวของโลก
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากการที่กรมวิชาการเกษตรได้ตรวจสอบข้อมูลสินค้าทางการเกษตร ตามที่เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) หรือไทยแพน ได้แถลงข่าวและมีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของไทยแพน ที่ระบุผลการสุ่มตรวจตัวอย่าง 509 ตัวอย่าง แบ่งเป็นการสุ่มจากห้างโมเดิร์นเทรด 6 แห่ง จำนวน 201 ตัวอย่าง สุ่มจากตลาด 10 แห่ง 308 ตัวอย่าง ปรากฏว่าที่พบสารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน 58.7% โดยมีทั้งตัวอย่างนำเข้าและตัวอย่างที่ผลิตในประเทศ ทั้งที่ได้รับรองมาตรฐานและไม่ได้รับรอง ซึ่งข้อมูลดังกล่าว กรมวิชาการเกษตรจะได้นำมาใช้ในการตรวจสอบสินค้าที่ตรวจพบปัญหาต่อไป รวมทั้งจะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขในการบูรณาการตรวจสอบร่วมกัน เพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทยปลอดภัยมากที่สุดสมกับการเป็นครัวของโลก
ทั้งนี้ จากที่ไทยแพนรายงานผลการสุ่มตรวจสารตกค้างในผลผลิตทางการเกษตร กรมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบทันทีและรายงานผลเข้ามาเมื่อ 7 ธ.ค.63 ประกอบด้วย ตัวอย่างสินค้านำเข้าที่มีการตรวจพบสารตกค้าง โดยเฉพาะในองุ่นแดงนอกและพุทราจีน เป็นสินค้านำเข้าที่กำกับดูแลโดยด่านอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในส่วนของด่านตรวจพืช กรมวิชาการเกษตร ดำเนินการตรวจเฉพาะศัตรูพืชกักกันเท่านั้น แต่กรมวิชาการเกษตร จะได้หารือร่วมกับ อย.ในการกำกับดูแลสินค้านำเข้า พร้อมกับทบทวนการตรวจสอบ การนำเข้าสินค้าตามแนวชายแดนใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้พบปัญหาสารตกค้างในสินค้าที่นำเข้าทุกชนิด
อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวต่อว่า สำหรับสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานต่างๆ รวม 50 ตัวอย่าง ทั้งหมดเป็นสินค้าที่วางจำหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรด ได้แก่มาตรฐาน Organic Thailand, Q GAP, Thai GAP, PGS, มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ต่างประเทศ กรมวิชาการเกษตรจะมีการตรวจสอบรหัสรับรองโดยละเอียดเพิ่มเติม หากเป็นรหัสรับรองที่ถูกต้อง และพบว่าสินค้ามีสารตกค้างเกินสารพิษตกค้างสูงสุด (MRL) ที่กำหนด จะแจ้งไปยังหน่วยงานรับรองในพื้นที่เพื่อตรวจสอบและแจ้งเตือนเกษตรกรเพื่อแก้ไขปรับปรุง กรณีตรวจพบใช้สารเคมีที่ไม่อนุญาตให้ใช้ในประเทศไทยแล้ว จะเพิกถอนการรับรอง และจะได้ประสานไทยแพนเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับตรารับรองมาตรฐานอื่นเพื่อตรวจสอบแหล่งผลิตต่อไป ส่วนกรณีสินค้าที่ไม่ได้รับรองมาตรฐานในตลาดค้าส่งและค้าปลีก จะวางมาตรการควบคุมการใช้สารเคมีที่ถูกต้องและปลอดภัย โดยจัดอบรมเพื่อสร้างการรับรู้และให้แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องและปลอดภัย
“กรมวิชาการเกษตรเดินหน้านำเสนอสิ่งทดแทนวัตถุอันตราย ที่ยกเลิกการขึ้นทะเบียนแล้ว โดยมีมาตรการทั้งระยะสั้น กลาง และยาว และการวิจัยพัฒนาสารชีวภัณฑ์และสารสกัดจากพืชมาทดแทนสารเคมีเกษตร ซึ่งปัจจุบันมีชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชแนะนำให้เกษตรกรใช้แล้ว 17 ชนิด โดยให้ใช้แบบผสมผสานในระบบเกษตรปลอดภัย (GAP) และใช้กำจัดศัตรูพืชในระบบเกษตรอินทรีย์ และลดขั้นตอนความยุ่งยากในการขึ้นทะเบียนเพื่อให้มีสารชีวภัณฑ์และสารสกัดจากพืชมาใช้กำจัดวัชพืชแมลงและโรคพืชมากขึ้น แต่ยังเน้นเรื่องความปลอดภัยต่อคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม และระยะยาวจะเร่งรัดงานวิจัยเพื่อให้มีการพัฒนาสารกำจัดศัตรูพืชที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพต้นทุนต่ำ”.