นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยในปีหน้าจะขับเคลื่อนไปได้มากน้อยเพียงใด ต้องอาศัยมาตรการรัฐ เป็นเครื่องมือสำคัญ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นการบริโภคที่ส่งผลให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยให้รัฐจัดเก็บรายได้ จากภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้น, มาตรการคนละครึ่ง, เที่ยวด้วยกัน, ช้อปดีมีคืน โดยควรขยายทุกๆโครงการอีก 3-6 เดือน หรือไปสิ้นสุดกลางปีหน้า ปัจจัยที่ควรเฝ้าจับตาในปีหน้า มีอาทิ การท่องเที่ยวของไทยที่ยังไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ขณะที่คนไทยเที่ยวกันเองทดแทนได้เพียง 20-30% จึงต้องหาแนวทางอื่นมาชดเชยรายได้ส่วนนี้, เงินบาทแข็งค่า, การขาดสภาพคล่องของเอสเอ็มอี, ภัยแล้ง
นายกลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัว 2-4% การส่งออกขยายตัว 3-5% เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.8% ถึง 1.2% แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลมากที่สุดคือเรื่องการท่องเที่ยว, ภัยแล้ง จึงอยากให้ภาครัฐช่วยเหลือ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้ กกร.ได้ปรับตัวเลขการคาดการณ์ในทิศทางที่ดีขึ้น จากหดตัว -9% ถึง -7% เป็น -7% ถึง -6% โดยเป็นผลมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ข่าวความคืบหน้าวัคซีนรักษาโควิด-19 ออกมาในทิศทางที่ดี แต่ยังมีความกังวลถึงตัวเลขการส่งออกไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ที่ปรับตัวลดลง จากการล็อกดาวน์การระบาดโควิด-19 รอบที่ 2 ในหลายๆประเทศ.