"พงศธร ทวีสิน" กับพันธกิจปตท.สผ. ฝ่ามรสุมวิกฤติผลิต-สำรวจปิโตรเลียม

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"พงศธร ทวีสิน" กับพันธกิจปตท.สผ. ฝ่ามรสุมวิกฤติผลิต-สำรวจปิโตรเลียม

Date Time: 23 พ.ย. 2563 05:01 น.

Summary

  • การประกาศให้สมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Latest

“เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ในประเทศไทย จังหวัดไหนบ้าง? ที่ทำเลมีศักยภาพ พร้อมให้ทุนใหญ่ลงทุน


การประกาศให้สมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ได้รับการยอมรับระดับสากลวัดผลจาก 4,500 บริษัทชั้นนำทั่วโลก โดยพิจารณาจากผลประกอบการที่ดี ควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งปีนี้ 2563 มีบริษัทไทยได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิก DJSI มากถึง 22 บริษัท

และหนึ่งในนั้นคือ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ที่เพิ่งฉลองครบรอบการก่อตั้งบริษัทมา 35 ปี เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาโดย ปตท.สผ.ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI ระดับโลกในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ประเภทธุรกิจขั้นต้นและธุรกิจครบวงจรต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 7 สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี

ท่ามกลางวิกฤติราคาน้ำมันและราคาพลังงานที่กำลังตกต่ำ ผันผวน ความขัดแย้งและการวัดกำลังของกลุ่มผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ของโลก ขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกย่ำแย่ หลังเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง ขณะที่การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน กำลังทำให้โฉมหน้าการผลิตและการใช้พลังงานของโลก กำลังค่อยๆเปลี่ยนผ่านปรับเปลี่ยน

ปตท.สผ.ในฐานะบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของคนไทย มีพันธกิจหลักในการสรรหาปิโตรเลียมเพื่อสนองความต้องการใช้พลังงานภายในประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทย ขณะเดียวกัน บริษัทได้เติบใหญ่ขยายอาณาจักรออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อหาแหล่งพลังงานสำรองใช้ในประเทศ และประเทศที่ออกไปลงทุน ขณะเดียวกันก็ต้องหารายได้กลับคืนสู่ประเทศไทยด้วย

ทีมเศรษฐกิจหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ผู้บริหารสูงสุด ผู้กุมบังเหียนองค์กรแห่งนี้ “พงศธร ทวีสิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ.ว่า ทิศทางข้างหน้า ปตท.สผ.จะนำพาองค์กรฝ่ากระแสวิกฤติพลังงานโลก และเดินหน้าต่อไปในทางใด ภายใต้ภารกิจที่มีอยู่

ขณะเดียวกัน ก็ต้องนำพาธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน สมศักดิ์ศรีบริษัทไทย ที่ได้รับคัดเลือกว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

**********

“พงศธร” เล่าว่าย้อนกลับไปเมื่อ 35 ปีที่แล้วว่า ปตท.สผ.ตั้งขึ้นมาในปี 2528 โดยได้รับมอบหมายจากรัฐบาลผ่านการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เพื่อเป็นกลไกหลักของรัฐในการเป็นแกนนำในการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียม เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศ

ปตท.สผ.เริ่มต้นเข้าร่วมทุนกับบริษัทน้ำมันข้ามชาติ ดำเนินการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยได้ศึกษาเรียนรู้งาน สั่งสมประสบการณ์ สร้างบุคลากร องค์กรความรู้และเทคโนโลยี จนปัจจุบัน ปตท.สผ.เป็นผู้ดำเนินการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้เองเต็มตัวโดยมีโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมากกว่า 40 โครงการ ทั้งในประเทศและอีก 15 ประเทศทั่วโลก โดยสามารถเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทพลังงานระดับยักษ์ใหญ่เบอร์ต้นๆของโลกได้ ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 4,500 ชีวิต จากพนักงานเริ่มต้นเมื่อ 35 ปีที่แล้ว เพียง 30 กว่าคน

ชูองค์กรสู่ Energy Partner of Choice

“เราได้เรียนรู้ ได้พัฒนา ลองผิดลองถูก และได้บทเรียน จากวิกฤติพลังงานโลกที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีหลังมานี้ จากเหตุและปัจจัยต่างๆกันหลายต่อหลายครั้ง ทั้งช่วงที่ราคาน้ำมันทะยานขึ้นทะลุไปกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หรือแม้ที่ผ่านมาเร็วๆนี้ ในช่วงกลางปีที่ราคาน้ำมันร่วงลงไปต่ำกว่า 20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก

และคาดการณ์ปริมาณการใช้น้ำมันจะลดลง มีการเทขายสัญญาซื้อขายราคาน้ำมันล่วงหน้าในตลาดโลกที่ครบสัญญาส่งมอบน้ำมันแต่ไม่มีใครต้องการรับมอบน้ำมัน จนทำให้สัญญาราคาซื้อขายน้ำมันในตลาดล่วงหน้าติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการจัดตั้งตลาดซื้อขายน้ำมันโลกมา”

“พงศธร” กล่าวว่า เรานำเอาบทเรียนและวิกฤติต่างๆมาทบทวน ทำให้ตอนนี้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ศักยภาพของตัวเองและพบว่าโลกสมัยนี้ไม่ใช่โลกของการแข่งขันสำหรับเรา และเราไม่ควรเข้าไปอยู่ในสถานะของการแข่งขัน แต่เราต้องทำตัวเองให้เป็นที่ต้องการของทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมากกว่า จากจุดเด่นจุดแข็งและข้อดีที่เรามี

รวมทั้งการเชื่อในพลังของการร่วมมือ จึงนำไปสู่วิสัยทัศน์ใหม่ของ ปตท.สผ.คือ Energy Partner of Choice เป็นความมุ่งมั่นที่ต้องการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ต้องการเข้ามาเป็นพันธมิตรกับเราเพื่อร่วมเติบโตไปพร้อมๆกัน ภายใต้พันธกิจ ที่ยังคงดำเนินธุรกิจทั่วโลก เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ทั้งการเป็นตัวเลือกของพนักงานที่อยากเข้ามาทำงานกับเรา และประชาชนในท้องถิ่นอยากให้เราเข้าไปลงทุนหรือทำงานในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันเรามีพื้นที่ทำงานทั้งใน สงขลา ขอนแก่น พิษณุโลก โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ขณะที่พาร์ตเนอร์อยากได้เราเข้าไปร่วมลงทุนรวมทั้งซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาต้องการทำงานร่วมกับเรา เป็นต้น

เน้นพัฒนาแหล่งพลังงานในภูมิภาค

นอกจากนี้ ปตท.สผ.ยังได้กลับมาตั้งหลักเน้นพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมภายในประเทศและในภูมิภาคนี้ทั้งพม่าและมาเลเซีย ซึ่งยังคงมีแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ รวมทั้งโอมานและยูเออี

เพราะอย่างน้อยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสามารถนำพลังงานส่งกลับมาใช้ภายในประเทศเราได้ทั้งที่พม่าและมาเลเซีย เพราะไทยเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าพลังงาน เราผลิตได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่เพียงพอกับการใช้ภายในประเทศและใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ

ขณะที่ ปตท.บริษัทแม่ของ ปตท.สผ. และโรงกลั่นในประเทศได้มีการนำเข้าพลังงานหลักๆจาก 3 ประเทศนี้ คือ ซาอุดีอาระเบีย โอมานและยูเออี ดังนั้น ปตท.สผ.จึงคิดว่าเราควรเข้าไปมีส่วนร่วมในการสำรวจผลิตและพัฒนาตั้งแต่ต้นทาง

โดยทั้งโอมานและยูเออี ยังมีโครงการที่จะเข้าไปลงทุนได้อีกมาก และเขาต้อนรับเชิญชวนต้องการให้เราเข้าไปลงทุน ขณะเดียวกัน ยังทำให้ ปตท.ได้สิทธิ์ในการล็อกปริมาณน้ำมัน ที่จะนำเข้ามาในประเทศไทยได้ก่อนด้วย หากเกิดวิกฤติหรือปัญหาขาดแคลนขึ้นมา

และที่สำคัญ ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ในยูเออี มีต้นทุนในราคาถูก ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ ปตท.สผ.ต้องมองเรื่องซัพพลายให้ประเทศไทยไว้ด้วย

“พงศธร” ยังให้มุมมองว่า แม้ปัจจุบันโลกจะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม แต่เชื่อว่าอีก 10-20 ปีข้างหน้า โลกยังจำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลหรือถ่านหินอยู่ เพราะมีราคาถูก แต่ขณะเดียวกันด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ในอนาคต การใช้พลังงานจากน้ำมันจะลดบทบาทลงไปมาก แต่ก๊าซธรรมชาติจะเป็นพลังงานหลักของโลกอยู่

ซึ่งปัจจุบันผลผลิตของ ปตท.สผ.เป็นก๊าซธรรมชาติ 70% และน้ำมัน 30% ตั้งเป้าว่าภายในปี 2030 หรือ 2573 จะปรับสัดส่วนก๊าซธรรมชาติเพิ่มเป็น 80% และน้ำมันลดลงเหลือ 20%

ลุยเอราวัณ-บงกช

“พงศธร” บอกว่า โชคดีที่ ปตท.สผ.ชนะประมูลพัฒนาแหล่งเอราวัณ-บงกช เพราะถ้าเราแพ้ กำลังผลิตของ ปตท.สผ.จะหายไปมากกว่า 100,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน

โดยเงื่อนไขที่รัฐกำหนดในการแบ่งปันผลผลิต ถือว่ามีตัวเลขที่ชัดเจน ไม่ต้องมาตีความ แม้เงื่อนไขการแบ่งปันผลผลิต อาจจะทำให้มาร์จิ้นหรือกำไรขั้นต้น ของผู้ได้รับสิทธิพัฒนาโครงการลดลงมากกว่าครึ่ง เทียบกับเงื่อนไขสัมปทานในอดีต แต่สุดท้ายแล้วประโยชน์จะกลับไปหาประชาชน รัฐบาลไม่ได้เก็บเข้าคลัง แต่ส่งผ่านไปที่ภาคประชาชนด้วยราคาพลังงานที่เหมาะสม

ขณะที่ ปตท.ก็ได้ทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ที่รัฐบาลได้ก่อตั้ง ปตท. และ ปตท.สผ. มาเป็นกลไกรัฐที่สร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เป็นกลไกที่ balance กับองค์กรพลังงานต่างประเทศ ปตท.สผ.ทำหน้าที่ในแง่ของการจัดหาพลังงานต้นทาง ขณะเดียวกันก็ต้องออกไปลงทุนต่างประเทศ ต้องทำธุรกิจมีกำไร

“โครงการบงกช ช่วงแรกตอนเข้ามาพัฒนาคาดว่ามีปริมาณ LNG สำรองเพียง 1.5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตเท่านั้น แต่ 27 ปีต่อมา เราผลิตออกได้มากถึง 5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และปัจจุบันมีปริมาณสำรองเหลือที่จะนำมาผลิตได้อีกราว 7 ปี แต่เรายังคงเดินหน้าสำรวจหาเพิ่มได้เรื่อยๆ”

ทั้งนี้ ปัจจุบันในอ่าวไทย ผลิต LNG มาใช้ได้ 3,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ที่เหลือนำเข้าจากพม่าและมาเลเซีย 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะที่มองว่า ในอนาคตอีก 20-30 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยยังต้องใช้ LNG ผลิตไฟฟ้า ซึ่งจากข้อมูลปัจจุบัน ในแหล่งอ่าวไทย มีปริมาณ LNG เอามาใช้ได้อีก 10-20 ปีเท่านั้น ขณะที่ยังมีความต้องการใช้สูง ในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง ซึ่งทำให้ประเทศไทยต้องมีการนำเข้า LNG ทุกปี จึงเป็นเหตุผลที่ ปตท.สผ.เริ่มรุกเข้าไปลงทุน LNG ทั้งในพม่า มาเลเซีย โอมาน โมซัมบิก และกำลังจะลงทุนในยูเออี

ราคาน้ำมันทรงตัว 40 เหรียญต่อบาร์เรล

สำหรับมุมมองทิศทางราคาน้ำมันในปี 2564 นั้น “พงศธร” กล่าวว่า ขณะที่ราคาน้ำมันทรงๆอยู่ที่+/-40 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ตราบใดที่วิกฤติโควิด-19 ยังไม่จบ ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ระดับนี้ เพราะ 40 เหรียญฯ คือต้นทุนเฉลี่ยของทั้งโลกที่ผู้ผลิตทุกคนพออยู่ได้ แต่ถ้าลงไปต่ำกว่านี้ ผู้ผลิตทุกคนจะติดลบหมด พวกผู้ผลิตที่ต้นทุนต่ำอย่างรัสเซีย ซาอุดีอาระเบียและประเทศตะวันออกกลางจึงพยายามควบคุมให้ราคาอยู่ในระดับนี้ แต่มองว่าราคาน้ำมันที่ควรจะเป็นที่สุดคือที่ 60 เหรียญฯ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้เวลามาถึงจุดนี้อย่างน้อย 3-4 ปี

สำหรับผลการดำเนินงานของ ปตท.สผ. ปี 2564 ยังคงทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2563 และคาดการณ์ว่าจะเริ่มฟื้นตัวในปี 2565 โดย ปตท.สผ.ตั้งเป้าปริมาณการขายเฉลี่ยปี 2563 ที่ 350,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ, ปี 2564 ที่ 375,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และปี 2565 ตั้งเป้าไว้ที่ 435,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

นอกจากการกลับมาเน้นลงทุนประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลางคือ ยูเออี และโอมาน ความสนใจลงทุนของ ปตท.สผ.จะอยู่ที่ก๊าซธรรมชาติซึ่งราคามีเสถียรภาพและถูกกว่าราคาน้ำมัน เมื่อราคามันปรับตัวลง จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า นอกจากนี้ บริษัทได้เริ่มหันมาดูโอกาสการลงทุนธุรกิจพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะ solar energy รวมทั้งศึกษาพลังงานรูปแบบใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นด้วย

ขณะที่การลงทุนในโครงการซอติก้า gas-to-power ในพม่าที่ขณะนี้อยู่ระหว่างรออนุมัติจาก ครม. ของพม่า ซึ่งเป็นโครงการที่ ปตท.สผ. มองว่าจะช่วยเสริมนโยบายของรัฐบาลพม่าในการให้ประเทศมีไฟฟ้าใช้ทั้งประเทศภายในปี 2573 ขณะเดียวกัน ปตท.สผ.จะได้ขยายปริมาณการผลิตของโครงการซอติก้าเพื่อส่งพลังงานกลับมาใช้ในประเทศไทยด้วย

ปตท.สผ.ยังรุกคืบลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมไอที เทคโนโลยี AI and Robotics ด้วย โดยได้ตั้งบริษัทร่วมทุน เช่น กับไทยคม, บริษัท เมอร์เมด ซับซี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงร่วมทุนกับ Kongsberg Ferrotech เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ “นอติลุส” ซ่อมท่อใต้ทะเลตัวแรกของโลก ซึ่งล่าสุดได้รับรางวัลชนะเลิศ ADIPEC Awards 2020 ที่ยูเออี

********

“หากถามว่าเราจะเดินหน้าอย่างไร สรุปโดยสั้นๆ คือเราอยากเป็นคนเก่ง-คนดี-มีความรับผิดชอบต่อทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรา โดยทิศทางการดำเนินธุรกิจของ ปตท.สผ. ยังต้องการให้ ปตท.สผ.เป็นองค์กรที่เติบโตยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ 3 เป้าหมาย คือ 1.ทำองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด (High Performance Organization: HPO) 2.มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีการบริหารจัดการความเสี่ยง และมีระบบการตรวจสอบภายในที่ดีโปร่งใส ตรวจสอบได้ (Governance, Risk และ Compliance : GRC) 3.สามารถสร้างคุณค่าร่วมกันกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายทุกคน (Value Co-Creation : VCC)

การบรรลุ 3 สิ่งนี้ จะทำให้ ปตท.สผ.ทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและยืนยาว สอดรับพันธกิจ ปตท.สผ. ที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจทั่วโลก เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง” พงศธรกล่าวทิ้งท้าย.

ทีมเศรษฐกิจ


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ