พาณิชย์ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 64 มาใช้ในกองทุนเอฟทีเอ ทำให้ไม่มีเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องปรับตัวรองรับผลกระทบ ส่วนงบปี 63 ได้ รับจัดสรรเพียง 15.99 ล้านบาท ช่วยเหลือได้แค่ 5 โครงการ เดินหน้าลุยจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอในรูปแบบกองทุนหมุนเวียนที่อาจ ใช้วิธีลงขันจากผู้ส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเอฟทีเอไม่ง้องบประมาณรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ปีงบประมาณ 64 กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้รับการจัดสรรงบเพื่อใช้ในกองทุนเพื่อการปรับตัวรองรับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า (กองทุนเอฟทีเอ กระทรวงพาณิชย์) ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์ไม่มีเงินที่จะนำมาใช้ช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบให้สามารถปรับตัวรองรับผลกระทบได้ ส่วนปีงบ 63 ได้รับจัดสรรเพียง 15.99 ล้านบาท มีผู้ประกอบการยื่นโครงการเพื่อขอรับความช่วยเหลือ 5 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์นมและช่องทางการจัดจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ของชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคใต้และตะวันตก จำกัด และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 4.76 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่ 2 คือ โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตโคเนื้อ สหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลางโพนยางคำ จำกัด สำหรับการแข่งขันในเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) 4.93 ล้านบาท 3.โครงการศึกษาช่องทางตลาดเนื้อโคประเทศกัมพูชาและการพัฒนาตัดแต่งเนื้อ แปรรูปเนื้อโค 1.92 ล้านบาท 4.โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดการค้าไทย-จีน เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปมะพร้าวด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม 4.16 ล้านบาท และ 5.โครงการพัฒนาศักยภาพการทอผ้าด้วยกี่กระตุกยกดอก 12 ตะกอ จังหวัดร้อยเอ็ด 220,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงปลายปี 62 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. พาณิชย์ ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อศึกษาแนวทางการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอในรูปแบบกองทุนหมุนเวียน ไม่ใช่รูปแบบปัจจุบัน ที่ต้องรอรับการจัดสรรงบประมาณจาก รัฐบาล ทำให้ในบางปีไม่ได้รับการจัดสรร และไม่มีเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการ
โดยล่าสุดกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้จัดสัมมนาและรับฟัง ความคิดเห็นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว 2-3 ครั้ง ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า จำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอแบบกองทุนหมุนเวียน โดยอาจลงขันจากผู้ส่งออกในธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากเอฟทีเอ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประ กอบการได้อย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก ประกอบกับนโยบายของไทยจะหันมาเจรจาเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ มากขึ้น เพื่อขยายการค้า การลงทุน แต่ในทางกลับกันจะมีผู้ได้รับผลกระทบที่รัฐต้องเตรียมการช่วยเหลือ เยียวยาและลดผลกระทบให้ได้ คาดว่าจะสรุปผลและจัดตั้งได้เร็วๆนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า กองทุนเอฟทีเอ กระทรวงพาณิชย์ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 พ.ค.50 มีมติให้กระทรวงพาณิชย์จัดตั้งมีการ บริหารงานโดยคณะกรรมการบริหารเงินช่วยเหลือ มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานตั้งแต่ปีงบประมาณ 50-63 ได้ให้ความช่วยเหลือสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมและภาคบริการ รวม 63 โครงการ คิดเป็นวงเงินรวม 427 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าเกษตร 32 โครงการ, สินค้าอุตสาหกรรม 22 โครงการ และภาคบริการ 9 โครงการ.