น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอจะเสนอมาตรการรักษาฐานการลงทุนเดิม และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใหม่ๆเพื่อช่วยรักษาระดับการจ้างงาน ฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในเดือน ต.ค.นี้
โดยจะออกมาตรการกระตุ้นให้บริษัทที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอให้รักษาการจ้างงานเอาไว้ โดยจะเป็นการเชื่อมโยงค่าใช้จ่ายกับการจ้างงานซึ่งขณะนี้มีหลายๆมาตรการที่บีโอไอจะนำเสนอให้บอร์ดบีโอไอพิจารณา รวมทั้งขยายอายุมาตรการ “ไทยแลนด์พลัส” ซึ่งเป็นแพ็กเกจให้สิทธิพิเศษทางภาษีเพื่อการลงทุนซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ออกไปอีก
นอกจากนี้ บีโอไอ จะเสนอให้มีการเพิ่มประเภทกิจการที่เกี่ยวกับการวิจัยทางคลินิก เพื่อตอบสนองงานวิจัย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์, การเพิ่มสาขาการส่งเสริมในกลุ่มอุตสาหกรรม BCG (Bio, Circular, Green) หรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่อาศัยเทคโนโลยีชีวภาพในการผลิตสินค้าอาทิ เคมีภัณฑ์อาหาร ยา อาหารสัตว์ เป็นต้น โดยเฉพาะในกลุ่มสาขาที่มีการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร นำมาทำผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่มีมูลค่าสูง ซึ่งจะช่วยให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องจาก วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เป็นต้น
“โควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมการแพทย์ของประเทศไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด บีโอไอจึงเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อเร่งรัดการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ โดยในปีนี้ มีผู้มายื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ถึง 45 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 13,000 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดดเพียงปีเดียว”
นอกจากนี้บีโอไอ ยังจะให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งบีโอไอจะเดินหน้าต่อในเรื่องของการปรับ ปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยระบบอัตโนมัติที่ขณะนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับบีโอไอ ได้มีการติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นบีโอไอ กำลังพิจารณาให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการเพิ่มเติมสำหรับผู้ ที่นำระบบดิจิทัลมาปรับปรุงในกระบวนการผลิต.