กรมการค้าภายใน ปลดล็อกให้โรงงานขาย "หน้ากากอนามัย" ตามช่องทางการค้าปกติได้แล้ว ตั้งแต่ 11 ส.ค.นี้เป็นต้นไป พร้อมย้ำก่อนหน้านี้ที่รัฐเคยรับซื้อทั้งหมดจะหยุดไปก่อน
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในฐานะเลขาธิการ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 27 พ.ศ.2563 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจำหน่ายหน้ากากอนามัย ลงวันที่ 11 ส.ค.63 โดยได้ปรับแนวทางและหลักเกณฑ์การบริหารหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ใหม่ ให้ผู้ผลิตสามารถจำหน่ายตามกลไกตลาดปกติ จากเดิมที่กำหนดให้ต้องปันส่วนส่งขายให้กับรัฐ แต่ต้องขายปลีกไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท และหากเกิดวิกฤติการระบาดขึ้นอีก หรือมีความจำเป็นเร่งด่วน ผู้ผลิตต้องพร้อมที่จะขายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มเสี่ยงก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนการส่งออก ยังกำหนดให้ผู้ผลิตต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการเฉพาะกิจที่พิจารณาอนุญาตการส่งออกเช่นเดิม
สำหรับการปลดล็อกให้ผู้ผลิตขายได้ตามช่องทางการค้าปกติ เป็นไปตามมติของคณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้กำลังการผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ของไทยเพิ่มขึ้นมากจากในช่วงแรกของการระบาด ผลิตได้วันละ 1.2 ล้านชิ้น จากโรงงานที่ได้มาตรฐาน 9 แห่ง แต่ขณะนี้เพิ่มเป็นวันละ 4.5 ล้านชิ้น จากโรงงานทั้งหมด 30 แห่ง รวมถึงยังมีการนำเข้าอีกประมาณ 20 ล้านชิ้น ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มเสี่ยง มีความต้องการใช้ราววันละ 3 ล้านชิ้น
ขณะที่ โรงงานสามารถขายให้กับคู่ค้าได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.นี้เป็นต้นไป แต่ต้องขายปลีกชิ้นละไม่เกิน 2.50 บาท ตามราคาควบคุมที่ กกร.กำหนด ซึ่งเป็นราคาที่โรงงานอยู่ได้ เพาะขณะนี้ราคาวัตถุดิบสำคัญ อย่างเมลท์โบลน (แผ่นกรองเชื้อโรค) ราคาลดลงมาก จากการที่ผู้ผลิตในต่างประเทศส่งออกได้มากขึ้น จากนี้ไปผู้บริโภคจะหาซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ตามท้องตลาดได้แล้ว ส่วนก่อนหน้านี้ที่รัฐเคยให้โรงงานปันส่วนส่งขายให้กับรัฐนั้น จะหยุดรับซื้อไปก่อน เพราะต้องการให้โรงงานขายตามช่องทางการค้าปกติแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคพบว่าผู้ค้ารายใดขายราคาเกินกว่าชิ้นละ 2.50 บาท สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ หากพบขายเกินราคาควบคุมจริง จะดำเนินการตามกฎหมาย โดยมีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้ค้าอ้างว่าหน้ากากที่ขายเกินราคาเป็นหน้ากากนำเข้า เมื่อส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นหน้ากากนำเข้าจริง เพราะกรมการค้าภายในอนุญาตให้ผู้นำเข้าคิดราคาขายโดยบวกเพิ่มค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการนำเข้าได้ไม่เกิน 60% ของราคานำเข้า.