ปักธงส่งออกข้าว 6.5 ล้านตัน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ข้าวไทยในตลาดโลกไม่ค่อยดี ตั้งแต่ต้นปี ที่ผ่านมา ราคาสูงขึ้นมากจากค่าเงินบาท ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินของ คู่แข่ง ส่งผลให้ผู้นำเข้าหลายประเทศ สั่งซื้อข้าวจากประเทศอื่นแทน แต่ล่าสุด เงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่า ทำให้ราคาข้าวไทยไม่สูงมาก ผู้ซื้อหลายรายเริ่มกลับมาสั่งซื้อมากขึ้นสิ่งที่ต้องปรับปรุงจากนี้ไป คือ การตลาดทั้งระบบ ตั้งแต่การเพาะปลูก การวิจัยและพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่ๆ การลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้วงจรการเพาะปลูกมีราคาต่ำกว่าคู่แข่ง ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง กำลังจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต การแข่งขันในตลาดโลก

“ผมได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เดินหน้าหาคู่ค้าในตลาดใหม่ให้มากขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่าข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการในตลาดโลก จึงต้องวางแนวทางการทำตลาดในตลาดโลกร่วมกันแบบให้เข้าถึง กลุ่มผู้บริโภค แต่ปีนี้ เงินบาทที่แข็งค่า และโควิด-19 ทำให้ไทยไม่สามารถทำตลาดต่างประเทศได้มากนัก คาดว่า ปีนี้ไทย จะส่งออกข้าวได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่า จะส่งออกได้เพียง 6.5 ล้านตัน ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 7-7.5 ล้านตัน สาเหตุหลักมาจากโควิด-19 และเงินบาทที่แข็งค่า แต่ได้กำชับให้ทูตพาณิชย์ของไทย ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ เร่งหาตลาด และประชาสัมพันธ์ข้าวไทย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มากขึ้น”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้น และสถานการณ์ภัยแล้ง ที่ทำให้ผลผลิตข้าวไทยลดลงในปีนี้ ส่งผลให้ราคาส่งออกข้าวไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ราคาข้าวไทยที่สำรวจจากผู้ค้าข้าวนานาชาติ พบว่า ข้าวขาว 5% ของไทยอยู่ที่ตันละ 474 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่เวียดนามตันละ 448-452 เหรียญฯ อินเดีย ตันละ 378-382 เหรียญฯ ปากีสถาน ตันละ 418-422 เหรียญฯ, ข้าวอมมะลิไทย ตันละ 1,000 เหรียญฯ ข้าวหอมมะลิเวียดนาม ตันละ 558-562 เหรียญฯ ข้าวผกามะลิ/ ลำดวนของกัมพูชา ตันละ 820 เหรียญฯ ส่วนข้าวนึ่งไทยตันละ 483 เหรียญฯ ขณะที่การส่งออกข้าวไทยเมื่อ 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) อยู่ที่ 2.885 ล้านตัน ลดลง 33.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่ส่งออกได้ 4.357 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 61,477 ล้านบาท ลดลง 14.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 72,224 ล้านบาท.