กสทช.-ทีวีดิจิทัลลุ้นศาลปกครองสูงสุด ชี้ชะตาจัดเรียงหมายเลขช่องทีวีบนโครงข่ายดาวเทียม-เคเบิล ควรเป็นไปตามประกาศของ กสทช.เพื่อไม่ให้ประชาชนคนดูเกิดความสับสน หากมีการยกเลิกประกาศจะต้องมีการเรียงช่องใหม่ ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลต้องจ่ายเงินค่าช่อง และเกิดความสับสนวุ่นวายอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลมีความกังวลมาก เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าศาลปกครองสูงสุดใกล้จะตัดสินชี้ขาดคดีฟ้องร้องให้เพิกถอนประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ.2558 หรือการจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัล ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.2559
โดยผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวี ประกอบด้วย บริษัท ทรูโฟร์ยู สเตชั่น จำกัด ซึ่งได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 29 ส.ค.61 คดีหมายเลขดำที่ 2022/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 1651/2561 ส่วนบริษัท บิ๊ก โฟร์ แซทเทลไลท์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท ส่งความสุข จำกัด บริษัท พีเอสไอ บรอดคาสติ้ง จำกัด และบริษัท เอเชีย บรอดคาสติ้ง เทเลวิชั่น จำกัด ได้ยื่นฟ้องเช่นเดียวกันในคดีหมายเลขดำที่ 2081/2558
และเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2562 ศาลปกครองกลาง ได้ตัดสินชี้ขาดให้เพิกถอนประกาศ กสทช.ฉบับจัดเรียงช่องทีวีดังกล่าวตามคำร้องของผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวี เนื่องจากประกาศฉบับดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขณะที่ กสทช.ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดแล้วและยืนยันว่าการออกประกาศจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัลเป็นประโยชน์สาธารณะ เพื่อมิให้ประชาชนสับสนในการจดจำเลขช่องทีวี ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช.กล่าวว่า การออกประกาศการจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัลนั้น สืบเนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนได้ร้องเรียนเข้ามายังสำนักงาน กสทช. จำนวนมากว่าเกิดความสับสนในการจดจำเลขช่องต่างๆ ที่รับชมทีวีดิจิทัลผ่านโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวี จึงต้องการให้ กสทช. เรียงช่องเหมือนกันทุกโครงข่าย เพื่อง่ายต่อการจดจำ ดังนั้นทุกโครงข่ายจะมีการจัดลำดับช่องฟรีทีวีดิจิทัลตั้งแต่หมายเลข 1-36 โดยแบ่งเป็นช่องหมายเลข 1-12 เป็นทีวีสาธารณะ และช่อง 13-36 เป็นทีวีธุรกิจ และตั้งแต่ช่อง 37 ขึ้นไป ผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวีสามารถนำไปจัดการเรียงช่องเองได้
“เรื่องการจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัล ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่ง กสทช.ได้ยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว แต่หากจะมีผู้ประกอบการหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบต้องการยื่นเอกสารเพิ่มเติมก็ต้องยื่นที่ศาลปกครองสูงสุด โดยส่วนของ กสทช.นั้น ได้ชี้แจงครบถ้วนแล้ว”
พ.อ.นทีกล่าวว่า ล่าสุด กสทช.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นกลุ่มย่อย หรือโฟกัสกลุ่ม เพื่อจัดทำประกาศการจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัลใหม่ เพื่อให้ทีวีดิจิทัลช่องธุรกิจยังคงอยู่ช่องเดิม แต่ต้องจัดเรียงช่องสาธารณะใหม่ โดยทีวีช่องธุรกิจจะต้องคงเดิม คือช่อง 13-36 เพื่อมิให้ประชาชนเกิดความสับสนในการจดจำหมายเลขช่องทีวี ส่วนหมายเลขช่อง 1-10 ผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียม และเคเบิลสามารถนำไปบริหารจัดการเองได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้เตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อไปยื่นแจ้งต่อศาลปกครองสูงสุด ถึงเหตุผลความจำเป็นของการจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัลตามประกาศ กสทช. หากยกเลิกประกาศดังกล่าวจะเกิดความเสียหายต่อธุรกิจทีวีดิจิทัล ประชาชนจะเกิดความสับสนในการจดจำเลขช่อง และจะไปยื่นหนังสือให้ กสทช.เพื่อรักษาสิทธิ์ของการประมูลทีวีดิจิทัล และขอให้ กสทช.ออกประกาศจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัลใหม่ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น.