ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เพื่อติดตามและประเมินเสถียรภาพระบบการเงินไทย พบว่า ระบบการเงินไทยโดยรวมยังมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์และธุรกิจประกันภัยมีเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง โดยอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนว่าการแพร่ระบาดจะสิ้นสุดลงเมื่อใด กระทบต่อเศรษฐกิจการเงินยืดเยื้อเพียงใด จึงจำเป็นต้องรักษาฐานะการเงินให้มีกันชน (buffer) ระดับสูงไว้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ประเมิน 3 ความเสี่ยง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คือ 1.ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง 2.ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ 3.ความเสี่ยงที่ธุรกิจที่ระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ จะถูกปรับลดอันดับเครดิต โดยที่ประชุมเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติม 3 ด้านคือ 1.การดูแลสภาพคล่องและรักษาเสถียรภาพตลาดการเงิน ติดตามความเสี่ยงกองทุนรวม และตราสารหนี้ภาคเอกชน พร้อมจัดตั้งกลไกช่วยเหลือ
2.ผลักดันมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและรูปแบบการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทชีวิตวิถีใหม่ ซึ่งต้องเหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและลักษณะปัญหาของลูกหนี้แต่ละกลุ่ม 3.การรักษาความแข็งแกร่งของระบบการเงินไทย ให้ความสำคัญกับการประเมินความเพียงพอของทุน และฐานะการดำเนินการที่สามารถรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นภายใต้ภาวะวิกฤติ
ด้าน น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค. คณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการจัดตั้งกองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในตราสารที่ต่ำกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้ (high yield bond) เพื่อช่วยเหลือบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องจากสถานการณ์โควิด-19.