คมนาคม รับมือหยุดยาว 25-28 ก.ค. เปิดด่วน-มอเตอร์เวย์ ใช้ฟรี

คมนาคมสั่งรับมือเดินทางวันหยุด  พร้อมเปิดด่าน ทางด่วน-มอเตอร์เวย์ ให้ใช้ฟรี สั่งเปิดทุกช่องผ่านทุกด่านเพื่อให้การจราจรเกิดการลื่นไหลด้วย เตรียมทำแผนรองรับหยุดยาว 25 - 28 ก.ค.นี้ 

เมื่อวันที่ 9 ก.ค.63 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ประชุมสรุปภาพรวมการเดินทางของประชาชนทั้งในส่วนรถสาธารณะ รถยนต์ส่วนบุคคล และสถิติจำนวนผู้เดินทางทั้งหมด รวมทั้งภาพรวมของอุบัติเหตุที่ประชาชนเดินทาง ระหว่างวันที่ 3 -7 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวในวันสำคัญทางศาสนาคือวันเข้าพรรษาและอาสาฬหบูชา พบว่ามีจำนวนรถส่วนบุคคล ที่เดินทางเข้าออกกรุงเทพฯ 6,007,706 คัน มีผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะมากกว่า 9,014,427 คน อุบัติเหตุเกิดขึ้น 369 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 56 คน และบาดเจ็บ 396 คน ดังนั้นจึงได้ขอให้ทุกหน่วยงานถอดบทเรียนการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้ เพื่อนำไปจัดทำแผนเตรียมรับมือกับช่วงหยุดยาวช่วงปลายเดือนก.ค.ระหว่างวันที่ 25 ถึง 28 ก.ค.  

โดยเบื้องต้นขอให้ปรับปรุง ช่องจราจรผ่านด่านทางด่วนและมอเตอร์เวย์ ซึ่งรัฐบาลได้งดเว้นค่าผ่านทางให้แก่ผู้ใช้ทาง แต่พบว่าในแต่ละด่านเก็บค่าผ่านทาง บางแห่งมีการเปิดช่องจราจรเพียง 3-4 ช่องเท่านั้น และมีช่องงดบริการปิดอยู่ ทำให้เมื่อถึงหน้าด่านรถจำนวนมากต้องเบียดกันเพื่อใช้เส้นทาง จึงเกิดการกระจุกตัวขึ้น ดังนั้นขอให้หน่วยงานที่กำกับดูแลไปดำเนินการตามนโยบาย  เมื่อมีการงดเว้นค่าผ่านทางแล้ว ก็ขอให้เปิดช่องผ่านทุกด่านเพื่อให้การจราจรเกิดการลื่นไหลด้วย 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการดูแลผิวจราจร  เช่น ขอให้มีการทำป้ายแจ้งผู้ใช้รถให้ทราบว่า  ในระยะทางข้างหน้าอีกกี่กิโลเมตรจะมีจุดพักรถ (Rest Area) เพื่อให้รถที่สัญจรทราบว่าหากต้องการเข้าใช้จุดพักรถ จะได้เตรียมตัวเพื่อใช้ช่องจราจรให้เหมาะสม ไม่เกิดการตัดกระแสจราจรจนทำให้เกิดปัญหารถติด เมื่อถึงจุดใกล้จุดพักรถเกิดขึ้นเหมือนช่วงที่ผ่านมา

ด้านนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ  ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การเดินทางช่วงวันที่ 3-7 ก.ค.ที่ผ่านมา มีสถิติอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากเส้นทางถนนที่เป็นทางตรงสูงถึง  67.21%  ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ไปตรวจสอบว่าลักษณะการเกิดอุบัติเหตุมาจากสภาพผิวถนน ที่อาจมีความเสี่ยงจากสภาพถนนหลังฝนตกที่ทำให้ถนนลื่น หรือมาจากการจัดระบบจราจรป้ายบอกทางต่างๆเพื่อวางแนวทางแก้ปัญหาในอนาคต