สศช.เผยความก้าวหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมฯ มีหน่วยงานยื่นของบมาแล้ว 43,851 ข้อเสนอ วงเงินทะลักกว่า 1.36 ล้านล้านบาท จากวงเงินที่มีอยู่ 4 แสนล้านบาท ทำให้พิจารณาล่าช้า โดยเป็นโครงการฟื้นฟูท้องถิ่น และชุมชนมากสุด ยืนยันวิเคราะห์โครงการโปร่งใส เน้นธรรมาภิบาล ทั่วถึงเที่ยงธรรม เน้นความคุ้มค่าพัฒนายั่งยืน
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ เปิดเผยความคืบหน้าการวิเคราะห์และกลั่นกรองแผนงาน หรือโครงการที่ 3 ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 400,000 ล้านบาท หรืองบในส่วนของการฟื้นฟูพบว่าจากข้อมูลล่าสุด วันที่ 22 มิ.ย.2563 มีข้อเสนอโครงการเข้ามาแล้วในรอบที่ 1 รวมทุกแผนงาน จำนวน 43,851 ข้อเสนอ รวมวงเงินกว่า 1.36 ล้านล้านบาท
โดยแผนงานที่มีข้อเสนอโครงการมากที่สุด จำนวน 42,405 โครงการ เป็นโครงการที่เกี่ยวกับแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน ผ่านการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ โดยการส่งเสริมตลาดสำหรับผลผลิต และผลิตภัณฑ์ของธุรกิจชุมชน ที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวหรือภาคบริการอื่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน การจัดหาปัจจัยการผลิต และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และชุมชน รวมทั้งการสร้างการเข้าถึงช่องทางการตลาด พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานคุณภาพ และมูลค่าเพิ่มของสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น รองลงมาคือ แผนงานหรือโครงการลงทุนและกิจกรรมการพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพิ่มศักยภาพและยกระดับการค้า การผลิต การบริการในสาขาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ครอบคลุมภาคเกษตร อุตสาหกรรม การค้าและการลงทุน ท่องเที่ยวและบริการโดย ต้องเป็นโครงการในลักษณะการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตภาคเกษตร เกษตรเพิ่มมูลค่า เศรษฐกิจฐานชีวภาพ และการท่องเที่ยวคุณภาพสูง 1,259 โครงการ
เลขาธิการ สศช.กล่าวต่อว่า เนื่องจากข้อเสนอโครงการมีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้การวิเคราะห์โครงการของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ล่าช้าไปกว่ากำหนดอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าจะสามารถวิเคราะห์เสร็จในเบื้องต้นภายในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ และส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้เพื่อพิจารณาได้ทันในวันที่ 1 ก.ค.2563 เพื่อนำส่งโครงการที่ผ่านการพิจารณาให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามกำหนดไว้ในวันพุธที่ 8 ก.ค.2563 ต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนจะส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้พิจารณา สภาพัฒน์จะเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นต่อข้อเสนอโครงการที่ผ่านการวิเคราะห์ของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ผ่านทางระบบ ThaiME (http://thaime.nesdc.go.th) เพื่อใช้ประกอบการกลั่นกรองโครงการต่อไป ส่วนกรณีที่ภาคส่วนต่างๆ ยังมีความกังวลว่าบางข้อเสนอโครงการอาจมีความไม่เหมาะสมและไม่คุ้มค่า ขอยืนยันว่าคณะทำงานของสภาพัฒน์ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการ ประกอบด้วย นักวิชาการผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญจากหลายสาขา โดยวิเคราะห์โครงการตามหลักธรรมาภิบาล ใช้เงินกู้ตามวัตถุประสงค์ ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามความต้องการประชาชน ทั่วถึงเที่ยงธรรม เน้นความคุ้มค่าและมีมาตรการป้องกันการทุจริต และวันที่ 26 มิ.ย.นี้ สศช.จะชี้แจงเรื่องเกี่ยวกับความก้าวหน้าของการวิเคราะห์โครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วงเงินกู้ 400,000 ล้านบาทภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ หน่วยงานที่ต้องการใช้วงเงินนี้จะต้องส่งคำขอไปยังคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ ซึ่งเมื่อพิจารณาผ่านจะต้องเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติ โดยรัฐบาลตั้งใจให้มีเม็ดเงินนี้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตั้งแต่เดือน ก.ค.นี้เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นหัวเชื้อสร้างการเปลี่ยนแปลงก่อนที่เงินจากงบประมาณประจำปี 2564 มาสานต่อในเดือน ต.ค.2563 ซึ่งจนถึงขณะนี้มีเพียง 1 โครงการที่ ครม.อนุมัติหลักการไปเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2563 คือ โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วงเงิน 22,400 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 โครงการ โครงการกำลังใจ โครงการเราไปเที่ยวกัน และโครงการเที่ยวปันสุข.