แบงก์ชาติ เคาะมาตรการ จ่ายขั้นต่ำ ลดดอกเบี้ย เพิ่มวงเงิน ช่วยลูกหนี้ฝ่าวิกฤติ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

แบงก์ชาติ เคาะมาตรการ จ่ายขั้นต่ำ ลดดอกเบี้ย เพิ่มวงเงิน ช่วยลูกหนี้ฝ่าวิกฤติ

Date Time: 19 มิ.ย. 2563 20:29 น.

Video

บัญชีม้า เกลื่อนเมือง คนไทยอยู่อย่างไร ใครต้องรับผิดชอบ ? | Money Issue

Summary

  • แบงก์ชาติ ปล่อย 4 มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระยะที่ 2 ทั้ง จ่ายขั้นต่ำ ลดดอกเบี้ย เพิ่มวงเงิน ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ช่วยคนไทยฝ่าวิกฤติ

Latest


แบงก์ชาติ ปล่อย 4 มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระยะที่ 2 ทั้ง จ่ายขั้นต่ำ ลดดอกเบี้ย เพิ่มวงเงิน ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ช่วยคนไทยฝ่าวิกฤติ

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 63 นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ธปท.ได้มีมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยมาเป็นลำดับ

โดยมาตรการต่างๆ นั้นจะทยอยครบกำหนด ซึ่ง ธปท. จึงได้หารือกับ ผู้ให้บริการทางการเงิน ประกอบด้วย สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ สมาคมและชมรมของผู้ให้บริการทางการเงินรวม 9 แห่ง ออกมาตรการเพิ่มเติมระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1) ปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป ร้อยละ 2 – 4 ต่อปี สำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อ ส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ มีผลตั้งแต่ 1 ส.ค. 63

1.1 บัตรเครดิต ดอกเบี้ยเดิม 18% ต่อปี ลดลงเหลือ 16% ต่อปี

1.2 สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.

- วงเงินหมุนเวียน (Revolving loan) เช่น บัตรกดเงินสด ดอกเบี้ยเดิม 28% ต่อปี ลดลงเหลือ 25% ต่อปี

- ผ่อนชำระเป็นงวด (Installment loan) ดอกเบี้ยเดิม 28% ต่อปี ลดลงเหลือ 25% ต่อปี

- จำนำทะเบียนรถ ดอกเบี้ยเดิม 28% ต่อปี ลดลงเหลือ 24% ต่อปี

2) เพิ่มวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้การกำกับประเภทวงเงินหมุนเวียนหรือที่ผ่อนชำระเป็นงวด สำหรับลูกหนี้ที่มีความจำเป็นต้องใช้วงเงินเพิ่มเติม และมีพฤติกรรมการชำระหนี้ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท ขยายวงเงินจากเดิม 1.5 เท่า เป็น 2 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน เป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 (มีผลตั้งแต่ 1 ส.ค.63)

3) มาตรการขั้นต่ำ เพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะที่ 2 (มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.63) ขยายขอบเขตและระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และไม่เป็น NPLs ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563

โดยผู้ให้บริการทางการเงินต้องจัดให้มีทางเลือกความช่วยเหลือขั้นต่ำให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบได้เลือกตามประเภทสินเชื่อ เช่น การผ่อนชำระขั้นต่ำ การเปลี่ยนสินเชื่อระยะสั้นเป็นระยะยาว การลดค่างวด การเลื่อนชำระค่างวดหรือเงินต้น เป็นต้น

นอกจากนี้ กำหนดให้ผู้ให้บริการทางการเงินต้องอำนวยความสะดวก รวมทั้งให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพียงพอต่อการตัดสินใจของลูกหนี้ เช่น เปรียบเทียบภาระหนี้เดิมและหนี้ใหม่ จำนวนหนี้และจำนวนงวดที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ต้องจ่ายเพิ่มจากการขอเลื่อนชำระหนี้

การช่วยเหลือตามมาตรการขั้นต่ำข้างต้นจะไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ จึงไม่สามารถเรียกเก็บเบี้ยปรับ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และในกรณีที่ลูกหนี้ประสงค์จะชำระหนี้ก่อนกำหนด จะต้องไม่มีการคิด ค่าเบี้ยปรับ (prepayment fee)

ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งความประสงค์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของผู้ให้บริการทางการเงิน เช่น แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ Call Center หรือส่งข้อความ SMS ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค. 63

4) การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผู้ให้บริการทางการเงินต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้ โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้ลูกหนี้ เช่น โดยการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เปลี่ยนสินเชื่อจากระยะสั้นเป็นระยะยาว เลื่อนการชำระค่างวด ลดดอกเบี้ย และกรณีลูกหนี้ได้รับผลกระทบจนเป็น NPLs ขอให้พิจารณาชะลอการยึดทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ธปท. เชื่อมั่นว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติมระยะที่ 2 นี้ จะทำให้ลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที ลดภาระหนี้และโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถบริหารจัดการความเสี่ยง และมีวิธีปฏิบัติต่อลูกหนี้ในแนวทางเดียวกัน ทั้งนี้ ธปท. จะติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ