นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า เพื่อช่วยเหลือบริษัทเอกชนที่เช่าที่ราชพัสดุทุกรายที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือโดยการเลื่อนระยะเวลาการจ่ายค่าเช่าที่ราชพัสดุ ออกไป 1 ปี ตั้งแต่เดือน มี.ค.63-มี.ค.64 แต่หลังจากไม่นาน มีภาคเอกชนหลายราย ได้ส่งหนังสือมาที่กรมธนารักษ์ ขอให้เลื่อนจ่ายค่าเช่าออกไปอีก 1 ปี รวมเป็น 2 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.65 หรือให้กรมธนารักษ์ลดค่าเช่าที่ราชพัสดุลง 50% เมื่อสิ้นสุดมาตรการในเดือน มี.ค.64
“ข้อเสนอเอกชนที่ขอลดค่าเช่าที่ดินมากถึง 50% นั้น คงต้องขอพิจารณาก่อน เพราะหากกรมลดให้จริง คงต้องตั้งเงื่อนไขไว้ว่า บริษัทเอกชนต่างๆจะต้องรักษาการจ้างงานของพนักงานไว้ ไม่ลดพนักงาน ส่วนจะมีการเลื่อนระยะเวลาจ่ายค่าเช่าต่อไปอีกหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเช่นกัน”
ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมมีรายได้จากค่าเช่าที่ราชพัสดุรวมประมาณ 8,000 ล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นรายได้จากการให้เช่าเชิงพาณิชย์ 75% และ 25% เป็นการให้เช่าเพื่อเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัย และจากการผ่อนปรนอัตราค่าเช่า จะทำให้ปีนี้กรมจัดเก็บรายได้ลดลง แต่ยังสามารถจัดเก็บได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ 8,700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะจัดเก็บได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันเตรียมนำพื้นที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์และที่ดินที่ได้รับโอนจากการยึดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนำมาเปิดประมูลเพื่อให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ เช่น พื้นที่เขตอีอีซี ได้แก่ พื้นที่ จ.หนองคาย และมุกดาหาร สนามกอล์ฟบางพระ จ.ชลบุรี ที่ดินแถวด่านศุลกากร สะเดา จ.สงขลา ท่าข้าวกำนันทรง จ.นครสวรรค์ เป็นต้น.