น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้มอบหมายให้ผู้แทนยื่นขอจดโดเมนเนม TraceThai.com เรียบร้อยแล้ว เพื่อใช้เป็นชื่อสำหรับระบบบล็อกเชน (Blockchain) ให้กับสินค้าเกษตรและอาหารของไทยที่ สนค.กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรและผู้ส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ขายและส่งออกสินค้าได้ในระยะเวลาที่สั้นลงและยังเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้าและสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าในต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดให้ทดลองใช้จริงได้ในเดือน ต.ค.63
“สนค.เห็นว่า ภาคเกษตรและอาหารไทยควรมีระบบต้นแบบที่จะช่วยให้ประเทศคู่ค้าสามารถตรวจสอบย้อนกลับเส้นทางของสินค้าเกษตรอาหารจากไทยได้ ซึ่งเทคโนโลยีบล็อคเชนมีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ เพราะแก้ไขข้อมูลได้ยาก มีความโปร่งใส คุ้มครองความลับทางการค้าและข้อมูลของเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องในระบบได้ จึงจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าเกษตรและอาหารของไทย ทั้งนี้ สนค. ได้เลือกข้าวอินทรีย์เป็นสินค้านำร่อง เพราะเป็นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง มีศักยภาพส่งออก มีการรับรองมาตรฐานที่ชัดเจน ซึ่งบล็อกเชนจะเข้ามาใช้ช่วยตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานสินค้า ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อและตลาดผู้นำเข้า ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มได้ ว่าเป็นข้าวอินทรีย์จริงตามที่ได้รับรองมาตรฐาน”
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า ระบบบล็อกเชน TraceThai.com เป็นระบบที่จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการต่างๆ ที่ผลิตและค้าขายส่งออกสินค้าข้าวอินทรีย์ โดยผู้ที่เข้ามาใช้ ต้องได้รับใบรับรองจากหน่วยงานที่เป็นผู้ดูแลมาตรฐานอินทรีย์มาแล้ว เพราะบล็อกเชนนี้ ไม่ใช่ระบบที่ออกใบรับรองมาตรฐานอินทรีย์ให้เกษตรกร แต่ระบบจะช่วยส่งต่อและกระจายข้อมูลให้กับผู้เกี่ยวข้อง ผู้นำเข้า ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาดำเนินการต่างๆ ได้อย่างมาก และในอนาคต TraceThai.com ยังใช้กับสินค้าเกษตรและอาหารอื่นๆ ได้ รวมถึงสินค้าอื่นๆ ที่ต้องมีการตรวจสอบย้อนกลับได้ด้วย ทั้งนี้ ในปี 62 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรรวม 675,136.03 ล้านบาท มีข้าวเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ที่ 130,000 ล้านบาท คิดเป็น 19.34% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไทย ในจำนวนนี้เป็น ข้าวอินทรีย์ 16,700 ตัน เพิ่มขึ้น 0.7% มูลค่า 780 ล้านบาท.