ส.อ.ท. เผยโควิดกระทบยอดขายรถยนต์ในประเทศ ถือว่าตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี ค่ายรถปลดพนักงานเพียบ รับการผลิตที่ลดลง
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อยอดการจำหน่าย และการผลิตรถยนต์ในประเทศและการส่งออกให้ชะลอตัวลง และยังกระทบต่อเนื่องไปยังผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ผู้ผลิตอุปกรณ์ตกแต่งภายในรถยนต์ รวมถึงตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ฯลฯ โดยทั้งหมดนี้จะมีแรงงานที่ได้รับผลกระทบรวม 750,000 คน
ทำให้ขณะนี้ยอมรับว่าค่ายรถยนต์ในประเทศกำลังปรับตัวลดพนักงานให้สอดรับกับการผลิตที่ลดลง โดยจะมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยและทั่วโลกว่าจะยืดเยื้อมากน้อยเพียงใด
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า กลุ่มยานยนต์ ได้ประเมินไว้ว่าหากโควิด-19 ยืดเยื้อถึงเดือน มิ.ย. จะส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ จากเป้าหมายเดิมปีนี้ ตั้งเป้าว่าประเทศไทยจะมีการผลิตรถยนต์ 1.9 ล้านคันก็จะเหลือเพียง 1.4 ล้านคัน และหากยืดเยื้อถึงเดือน ก.ย.-ต.ค. จะเหลือเพียง 1 ล้านคันเท่านั้น หรือหายไป 50%
“กลุ่มรถยนต์ ได้เสนอแนวทางเพื่อลดผลกระทบต่อคลัสเตอร์ยานยนต์ ซึ่งจะรวมถึงการรักษาระดับการจ้างงานในกลุ่มนี้ไว้ให้มากที่สุดให้กับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญได้แก่ เสนอให้ภาครัฐสนับสนุนให้ผู้ที่นำรถยนต์เก่าที่มีอายุงาน 20 ปีไปแล้วที่มีอยู่รวม 2 ล้านคัน มารีเทิร์นเพื่อซื้อรถยนต์ใหม่ โดยรัฐบาลจ่ายเงินส่วนต่างจำนวนหนึ่งให้ผู้จำหน่ายรถยนต์แทนประชาชน ซึ่งไม่เพียงกระตุ้นยอดขายในประเทศ แต่ยังช่วยลดปัญหามลพิษพีเอ็ม 2.5 เหมือนที่สหรัฐฯ และเยอรมนีได้ใช้รูปแบบนี้ในการฟื้นฟูประเทศจากวิกฤติเศรษฐกิจ และเสนอให้รัฐบาลยืดเวลาชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จะครบการจ่ายเดือน ส.ค.นี้ หากเป็นไปได้ต้องการให้ยืดไปอีก 1 ปี เพื่อนำเงินไปหมุนเวียนใช้จ่าย ซึ่งรวมถึงการคงรักษาพนักงานเอาไว้ เป็นต้น”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน เม.ย.63 แบบไม่เป็นทางการ ลดลง 50% เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. โดยทำยอดขายได้เพียง 33,300 คันเท่านั้น ถือว่าตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี ดังนั้นค่ายรถยนต์ต่างๆ จึงเริ่มปรับนโยบายด้านคนแล้ว อาทิ