นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยความคืบหน้าการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สร้างการจ้างงาน ผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 5,600 ล้านบาท ว่า ล่าสุดได้ข้อสรุปว่าจะใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากวงเงิน 3,600 ล้านบาท โดยกำหนดผู้เสนอโครงการเป็น 2 ส่วน คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่สามารถเสนอโครงการเข้ามาที่สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานโดยตรง และระดับจังหวัดซึ่งจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งจะเน้นโครงการที่เพิ่มประสิทธิภาพพลังงานและพลังงานทดแทน ที่มีเป้าหมายสนับสนุนยกระดับชุมชนกระตุ้นจ้างงานและรักษาสิ่งแวดล้อม
“โครงการที่จะเสนอเข้ามาต้องไม่ใช่การซื้อของแล้วจบโครงการ แต่ต้องเป็นโครงการที่ดำเนินการทั้งระบบ อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจไปดูว่าพื้นที่ใดยังไม่มีไฟฟ้าใช้ อาจเสนอโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์ และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดจะมีข้อมูลว่าพื้นที่นั้นๆบุกรุกป่าสงวนหรือไม่ เพื่อให้การติดตั้งไม่มีปัญหาภายหลัง
นอกจากนี้ ยังมีโครงการสูบน้ำเพื่อทำเกษตรกรรม อาจพ่วงมีโพลาโบลาโดม หรือโดมที่มีหลังคาป้องกันฝุ่นละออง สำหรับอบหรือตากผลิตผลทางการเกษตร เช่น กล้วยตาก สำหรับแปรรูปสินค้าเกษตร หรือบางพื้นที่อาจทำแปลงดอกไม้เพื่อการท่องเที่ยวและมีห้องเย็นสำหรับเก็บรักษาความสดของผลิตภัณฑ์ ซึ่งโครงการเหล่านี้จะสร้างงานในพื้นที่จริงๆ โดยโครงการที่ไม่มีเป้าหมายชัดเจนถึงประโยชน์ที่ชุมชนได้รับจะไม่ได้รับการพิจารณา
ล่าสุด สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้เปิดรับข้อเสนอโครงการแล้วเมื่อ 28 เม.ย. และจะปิดรับโครงการ 18 พ.ค.นี้ คาดว่าจะมีผู้สนใจเสนอโครงการเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและระดับจังหวัด โดยจะเร่งอนุมัติโครงการที่ผ่านเกณฑ์ คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าระบบได้เดือน มิ.ย.นี้.