“พาณิชย์” จับคนขายหน้ากากอนามัยแพงเกินจริงอีก 6 ราย ทั้ง กทม. และต่างจังหวัด ส่วนสถานการณ์ไข่ไก่ดีขึ้นไม่พบคดีเพิ่ม
นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ ว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัยได้เพิ่มอีก 6 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 3 ราย โดยเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ล่อซื้อและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัย 1 ราย โดยจำหน่ายหน้ากากอนามัยกล่องละ 50 ชิ้น 725 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 13.50 บาท) ผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านแอปพลิเคชันไลน์ 1 ราย พบจำหน่ายในราคากล่องละ 660 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 13 บาท) รวม 15,000 ชิ้น ทั้ง 2 ราย กระทำความผิดข้อหาขายแพงเกินราคาสมควร และอีก 1 ราย เป็นการตรวจค้นสถานที่พบของกลางเป็นหน้ากากอนามัยจำนวน 1,650 ชิ้น จึงแจ้งข้อหากระทำความผิดตาม มาตรา 25 (5) ไม่แจ้งปริมาณราคาจำหน่ายต่อ กกร.
ส่วนในต่างจังหวัดจับกุมได้เพิ่ม 3 ราย ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดมหาสารคาม ทั้ง 3 ราย เป็นร้านค้าทั่วไปกระทำความผิดข้อหา จำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินราคาสมควร (มาตรา 29) ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์และแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นเป็น 273 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 135 ราย และต่างจังหวัด 138 ราย
สำหรับโทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มาตรา 28 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ นางลลิดา กล่าวว่า จากการติดตามพบว่าสถานการณ์ไข่ไก่ดีขึ้นเรื่อยๆ และกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ โดยสถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดจำหน่ายไข่ไก่เกินราคาทั่วประเทศ ณ วันที่ 7 เม.ย. 2563 ไม่พบผู้กระทำความผิดเพิ่ม ยอดรวมการจับกุมทั่วประเทศอยู่ที่ 26 ราย เท่าเดิม “หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือค้ากำไรเกินควร ขอให้ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด จะมีการเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดทันที”