ในท่ามกลางข่าวช็อกโลก กรณี “โคโรนาไวรัส” ระบาดทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย ทำให้เกิดความรู้สึกช็อกประจำวัน เมื่อมีรายงานว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อของเราชักจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆนั้น
ก็มีข่าวช็อกอีกข่าวหนึ่งเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นก็คือข่าวห้าง “อิเซตัน” ห้างญี่ปุ่นดังใจกลางราชประสงค์ประกาศยุติกิจการในวันที่ 31 สิงหาคม อีก 5 เดือนเศษๆ ข้างหน้า
หลังจากประธานกรรมการของห้างคุณ เซอิจิ อาโอยามา ลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงลูกค้าว่าจะไม่ต่อสัญญาเช่าพื้นที่กับบริษัทเซ็นทรัล พัฒนา เจ้าของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ ซึ่งห้างนี้เช่าอยู่ทางปีกเหนือและจะหมดสัญญาลงในวันดังกล่าว
จึงขอให้ลูกค้าทั้งหลายรีบมาใช้บัตรกำนัล หรือคะแนนสะสมต่างๆให้ทันตามกำหนดเวลาที่แจ้งไว้
ส่วนร้านอาหารต่างๆที่มาเช่าช่วงเปิดร้านอยู่บนชั้น 5 ชั้น 6 อาจจะเปิดหรือปิดกิจการตามแต่นโยบายของร้านที่คงจะต่างกันไป ยกเว้นร้านหนังสือ คิโนะคุนิยะ บนชั้น 6 จะยังคงเปิดให้บริการตามปกติ อย่างน้อยก็คงถึง 31 สิงหาคม วันสุดท้ายของห้างอิเซตัน
สำนักข่าวออนไลน์หลายสำนักรายงานไว้ด้วยว่า ศูนย์การค้าอิเซตันมาเปิดให้บริการที่นี่เป็นเวลา 28 ปีแล้ว ถือเป็นการปิดตำนานห้างญี่ปุ่นอีกห้างหนึ่งในประเทศไทย
ผมเองก็พลอยรู้สึกช็อกเล็กๆ ตามพาดหัวข่าวของสำนักข่าวออนไลน์ บางสำนักไปด้วย เมื่อคลิกเข้าไปเจอข่าวนี้
ในฐานะที่ผมเป็นแฟนคลับคนหนึ่งของอิเซตัน และมีอยู่ช่วงหนึ่งประมาณปี 2540-2541 ที่ผมตัดสินใจลาออกจากราชการระยะแรกๆ มีเวลาว่างมาก ก็เลยถือโอกาสไปเดินห้างแก้เหงา และถือเป็นการออกกำลังไปด้วย
ห้างอิเซตันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์” ในยุคนั้นหรือ เซ็นทรัลเวิลด์ ในยุคนี้ เป็นห้างที่ผมไปเดินบ่อยที่สุด
ผมจะเริ่มจากการเดินรอบๆ เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่มีพื้นที่รวมใหญ่ที่สุดของประเทศไทยใน พ.ศ.นั้น จึงเหมาะแก่การเดินออกกำลังกายมากกว่าห้างอื่นๆ และเมื่อเดินจนครบทุกชั้นจนได้เหงื่อแล้วผมจะไปจบที่อิเซตันนี่แหละ
จบที่ ซุปเปอร์มาร์เกต ซึ่งน่าจะอยู่บนชั้น 5 ของเขาเป็นส่วนใหญ่ เพราะผมชอบการจัดวางของสดของคาวของที่นี่ ซึ่งออกสไตล์แบบญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่ตู้แช่ผักสดต่างๆจะมีควันจากไอเย็นฟุ้งอยู่นิดๆ เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของซุปเปอร์มาร์เกตอิเซตัน
จากนั้นจะไปจบจริงๆที่ร้านหนังสือ คิโนะคุนิยะ บนชั้น 6 ที่ผมยกให้ว่าเยี่ยมที่สุด เพราะมีหนังสือครบถ้วน ทั้งระดับนานาชาติ และหนังสือไทยจากทุกสำนักพิมพ์
บางวันก็อาจจะจบที่ชั้น 5 ทางซีกที่มักจะมีที่ว่างสำหรับจัดงานเทศกาลสินค้าญี่ปุ่นจากเมือง หรือจังหวัดต่างๆ ซึ่งเขาจะยกสินค้าแท้ๆจากเมืองหรือจังหวัดที่ว่านั้นมาขายในระหว่างมีเทศกาล
จริงๆแล้วที่ชั้น 5 ของเขายังมีพื้นที่สำหรับขายอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะอยู่ด้วย จัดรูปแบบเหมือนห้างที่ญี่ปุ่นเลยละ ทั้งรูปแบบ ทั้งกลิ่นตลบ อบอวลเหมือนเดินอยู่ที่ญี่ปุ่นอย่างไรอย่างนั้น
แม้ผมจะแวะอุดหนุนบ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก เพราะราคาค่อนข้างแพงกว่าอาหารไทยทั่วๆไป จึงมักจะอุดหนุนเวลานึกอยากรับประทานอาหารญี่ปุ่นแบบบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆเท่านั้น และจะยกกันไปทั้งครอบครัวเดินซื้ออาหารตามบูธที่เขาจัดไว้คนละอย่าง 2 อย่างไป “แชร์” กันรับประทาน
อ่านข่าวตอนแรกนึกว่าห้างเจ๊งเพราะไวรัสระบาดหรืออย่างไร แม้ข่าวจะบอกว่าหมดสัญญาเช่าผมก็ยังไม่เชื่อ เพราะช่วงหลังๆ ซึ่งยังมีโอกาสไปเดินบ้าง พบว่าผู้คนค่อนข้างน้อยผิดไปจากยุคก่อนๆ
มาเจอไวรัสกระหน่ำซ้ำเข้าให้อีกอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายทำให้ต้องปิดฉากแต่เพียงเท่านี้
จนกระทั่งได้อ่านรายงานของ สำนักข่าวอิศรา ที่ไปเจาะผลประกอบการที่แจ้งกระทรวงพาณิชย์ทำให้ทราบว่าห้างอิเซตันยังมีกำไรอยู่ใน 2 ปีหลังแม้ไม่มากนักแต่ก็ไม่ขาดทุน
แสดงว่าเขาคงหมดสัญญาเช่าจริงๆ และตัดสินใจไม่ต่อสัญญา
ก็คงต้องซาโยนาระอำลาอาลัยห้างญี่ปุ่นแท้ๆ ไปอีกห้างหนึ่ง ขอให้ไปดีกลับไปเซ็งลี้ฮ้อที่ญี่ปุ่นนะครับอิเซตัน และขอบคุณนะครับที่ให้ความสุขด้านช็อปปิ้งแก่ผมและคนไทยมาถึง 28 ปีเต็มๆ.
“ซูม”