อธิบดีกรมการค้าภายใน ดำเนินคดีโฆษกกรมศุลฯ ปูดไฟเขียวส่งออกหน้ากากอนามัย 330 ตัน ยัน ม.ค.ยังไม่ได้ห้าม เพราะยังไม่เป็นสินค้าควบคุม ส่วน ก.พ.ให้ส่งออกแค่ 12.7 ล้านชิ้น เฉพาะสเปกพิเศษ แบบสีเขียวห้ามหมด
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เปิดเผยว่า กรมได้แจ้งความดำเนินคดีกับโฆษกกรมศุลกากร ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แล้วเมื่อเช้าวันที่ 12 มี.ค. ในข้อหาหมิ่นประมาทและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ หลังให้ข่าวกระทรวงพาณิชย์ อนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยรวม 330 ตัน ทำให้กรมได้รับความเสียหาย คนทั้งประเทศรับรู้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แม้กรมศุลกากรจะชี้แจงแก้ไขข้อมูลใหม่ในระยะต่อมา แต่ไม่ได้ทำให้กรมไม่ได้รับความเสียหาย
“ผมยืนยันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ผมเป็นลูกหม้อกรมการค้าภายใน ทำงานบรรจุที่นี่ ไม่ต้องการให้ใครมาทำให้เสียหาย ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยมีปัญหากับโฆษกกรมศุลกากรเป็นการส่วนตัว แต่ในเมื่อกล่าวหามา ก็ต้องไปแก้ข้อกล่าวหาเอง” นายวิชัยกล่าว
ส่วนการพิจารณาให้ส่งออกหน้ากากอนามัย ทางนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลในประเทศให้เพียงพอก่อนเป็นลำดับแรก ถ้าไทยไม่พอใช้ ก็ไม่ให้ส่งออก แต่ที่มีการส่งออกในเดือนม.ค. เป็นช่วงก่อนที่หน้ากากอนามัยจะเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไปห้ามไม่ได้ แต่หลังจากวันที่ 4 ก.พ. เมื่อประกาศเป็นสินค้าควบคุมแล้ว ได้มีมาตรการห้ามส่งออก และมีคณะอนุกรรมการ พิจารณาการอนุญาตส่งออก ซึ่งผลการพิจารณา ได้อนุญาตส่งออกรวม 12.7 ล้านชิ้น จากที่ขอมาทั้งหมด 53.6 ล้านชิ้น และที่ให้ส่งออกเป็นสเปกพิเศษ ใช้ทางการแพทย์ และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นสินค้าที่มีลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ เอามาใช้ในประเทศไม่ได้ และบางโรงงานได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ต้องผลิตส่งออกทั้งหมด
“ถ้าเข้าเงื่อนไขตามนี้ ก็พิจารณาให้ส่งออก โดยคณะอนุกรรมการ พิจารณาไป 3 ครั้ง อนุญาตให้ 7 ราย ส่งออกได้ รวม 12.7 ล้านชิ้น ถ้าคิดเป็นตันก็ราวๆ 40 ตันเท่านั้น ส่งออกไปยังออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ และเยอรมนี ไม่ได้มากไปกว่านี้ ส่วนหน้ากากอนามัยแบบสีเขียว ไม่ได้อนุญาตให้ส่งออกเลย” นายวิชัยกล่าว
นอกจากนี้มีข่าวดี หลังจากที่ได้เข้าไปบริหารจัดการหน้ากากอนามัยทุกชิ้น ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้าสเปกพิเศษให้ช่วยผลิตหน้ากากอนามัยที่ไทยจำเป็นต้องใช้ และมีหลายรายให้ความร่วมมือปรับไลน์การผลิต ทำให้ตัวเลขยอดรวมที่ผลิตได้ต่อวัน 1.2 ล้านชิ้น เพิ่มเป็น 1.56 ล้านชิ้น ซึ่งได้จัดสรรไปให้กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มขึ้นเป็น 800,000 ชิ้นต่อวัน และหากต้องการเพิ่มจะลดสัดส่วนในส่วนของกรมลง ซึ่งปัจจุบันได้รับที่ 760,000 ชิ้น จะเร่งกระจายให้กับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ เช่น การบินไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ตรวจคนเข้าเมือง และประชาชนทั่วไป ผ่านร้านธงฟ้า ร้านสะดวกซื้อต่างๆ มั่นใจว่าสถานการณ์หน้ากากอนามัยจะดีขึ้น หลังมียอดการผลิตเพิ่มขึ้น.