ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด ได้ประชุมนัดฉุกเฉินเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% มาที่กรอบ 1.00-1.25% สะท้อนว่าเฟดปรับมุมมองที่มีต่อเรื่องผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน-ภาคธุรกิจ และภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไปใน “เชิงลบ” มากขึ้น จึงทำให้ไม่สามารถรอเวลาจนถึงรอบการประชุมนโยบายการเงินตามปกติซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า มีเป้าหมายที่จะลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯส่งจาก
ด้านนายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า การดำเนินนโยบายการเงินแต่ละประเทศสามารถพิจารณาดำเนินมาตรการต่างๆตามความเหมาะสม ซึ่ง ธปท.จะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และพร้อมดำเนินมาตรการตามความเหมาะสมเช่นกัน
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินของไทย ลงอย่างน้อย 0.25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.00% โดยคาดว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะส่งผลต่อเนื่องให้อัตราดอกเบี้ยของตลาดการเงินและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับลดลงตามอีกครั้ง.