นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยพร้อมเครือข่าย เช่น เอสซีจี โดยธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง, สยามคูโบต้า และมิตรผล ได้ร่วมมือกันส่งเสริมให้เกษตรกรหยุดเผา และเพิ่มมูลค่าโดยใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุทางการเกษตร โดยการนำเครื่องจักรที่ทันสมัยมาบีบอัดฟางข้าว ใบอ้อย ต้นและซังข้าวโพดให้เป็นก้อนแข็งเพื่อง่ายต่อการขนส่ง โดย ปัจจุบันโรงงานในเครือข่าย เช่น โรงปูนซีเมนต์ โรงงานกระดาษ โรงงานน้ำตาล รับซื้อเศษวัสดุที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวทางการเกษตร ราคาขาย 1,000 บาทต่อตัน พร้อมเชิญชวนโรงงานอื่นๆ ทั้งที่เป็นเครือข่ายและไม่ได้เป็นเครือข่ายพิจารณาการรับซื้อฟางข้าว ใบอ้อย ต้นและซังข้าวโพด ไปใช้เป็นพลังงานทดแทน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ได้ทำลายสุขภาพของประชาชนและบรรยากาศการท่องเที่ยว หนึ่งในสาเหตุหลักคือการเผาเศษวัสดุที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวทาง การเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย ต้นและซังข้าวโพด หอการค้าไทย และบริษัทต่างๆที่เป็นสมาชิกจึงได้ร่วมกันซื้อเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรนำมาขาย จะได้ไม่เผาเศษเหลือใช้เหล่านี้จนก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ขณะที่โครงการขุดดินแลกน้ำที่ส่งเสริมให้ชุมชนขุดบ่อแก้มลิงเพื่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ และนำดินจากการขุดลอกไปใช้ประโยชน์ หอการค้าไทยพร้อมสนับสนุนเต็มที่ และขอความร่วมมือหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ ให้ข้อมูลพื้นที่สาธารณะ แหล่งน้ำตื้นเขินและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อขอรับทราบรายละเอียดโครงการแล้ว”.