ความเชื่อมั่นนักลงทุนซบเซาในรอบ 4 ปี ไวรัสโคโรนากดดันการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้าว่า ปรับตัวลดลง9.9% ลงมาอยู่ในเกณฑ์ซบเซา (Bearish) เป็นเดือนแรกในรอบ 4 ปี โดยผลสำรวจพบว่านักลงทุนกังวลกับสถานการณ์การท่องเที่ยวจากปัญหาเชื้อไวรัสโคโรนา ที่ส่งผลต่อนักท่องเที่ยวจีนในไทย เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือความขัดแย้งระหว่างประเทศจากปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะการประกาศจ่ายเงินปันผล เป็นปัจจัยบวกที่หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือนโยบายภาครัฐและภาวะเศรษฐกิจในประเทศ

โดยนักลงทุน 3 กลุ่มคือ ต่างชาติ สถาบันในประเทศและบริษัทหลักทรัพย์ความเชื่อมั่นมาอยู่ในโซน ซบเซาทั้งหมด ยกเว้นรายย่อยที่ความเชื่อมั่นอยู่ในโซนทรงตัว (Neutral) ส่วนธุรกิจที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด คือหมวดการแพทย์ (HELTH) ส่วนธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด

นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ไตรมาส 2 มีโอกาสเห็นการรีบาวด์ของตลาดหุ้นไทย โดยดัชนีน่าจะขึ้นมาแตะระดับ 1,600 จุด จาก พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ที่ไม่ล่าช้าอย่างที่คาดไว้ การปรับ ลดดอกเบี้ย นโยบายที่ลงมาอยู่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และการระบาดของไวรัสโคโรนาที่น่าจะอยู่ในจุดที่สูงสุดแล้วและจะค่อยๆคลี่คลายลง ปัจจัยทั้งหมดนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ โดยประเมินเศรษฐกิจจะขยายตัว 2-2.2% ขณะที่ยังต้องติดตามผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจากไวรัสโคโรนา ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก หลังสหรัฐฯกับ จีนลงนามการค้าเฟส 1 ได้ ส่วนปัจจัยในประเทศคือการเบิกจ่ายงบประมาณ นโยบายกระตุ้นการลงทุน การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว แนวโน้มค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลง ผลการลดดอกเบี้ยนโยบายและการไหลเข้าออกของเงินทุน.