นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมว่า ได้ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบตั๋วร่วม (บัตรแมงมุม) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้ให้ บริการรถไฟฟ้า MRT, บริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด ผู้ให้บริการ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และบริษัท ระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS เพื่อให้ประชาชนที่ถือบัตรโดยสารรถไฟฟ้าทั้ง 14.6 ล้านใบ สามารถใช้กันได้ทุกระบบ โดยตั้งเป้าให้ใช้บริการได้เดือน มิ.ย.63
จากการรับฟังรายงานพบว่า แต่ละหน่วยงานจัดเตรียมงบประมาณในการพัฒนาระบบหัวอ่านให้สามารถอ่านข้อมูลบัตรรถไฟฟ้าระบบอื่นได้แล้ว รวม 450 ล้านบาท โดย รฟม. ใช้งบ 225 ล้านบาท ส่วนบีทีเอส ใช้ 120 ล้านบาท ขณะที่ แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ใช้ 105 ล้านบาท ซึ่งได้ว่าจ้างเอกชนให้พัฒนาระบบมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่จนถึงปัจจุบันทำงานเกินอายุสัญญามา 11 เดือนแล้ว ยังไม่สามารถพัฒนาระบบได้ โดยขณะนี้สิ่งที่หนักใจที่สุดคือ แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ซึ่งไม่สามารถ ตอบได้ว่าจะสามารถพัฒนาระบบเสร็จได้ทันตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการทั้ง 3 ครั้ง ทำไม่สำเร็จ ขณะที่ รฟม. และบีทีเอส ไม่มีปัญหาเหลือเพียงรายละเอียดด้านเทคนิคเล็กน้อย
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้เพิ่มการประชุมจากสัปดาห์ละครั้ง เป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และหากถึงเดือน มิ.ย.นี้แล้ว แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ยังพัฒนาระบบไม่สำเร็จ จะให้ รฟม.และบีทีเอสใช้ตั๋วร่วมกันไปก่อน เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางให้ประชาชน ขณะที่ได้เร่งรัดให้สำนักนโยบายและแผนการ ขนส่งและจราจร(สนข.) จัดทำร่างบันทึกข้อตกลง (MOU) การ ดำเนินงานในระบบตั๋วร่วม เพื่อให้ทุกหน่วยงานลงนามร่วมกันภายใน ก.พ.นี้ และได้ให้ รฟม. บีทีเอส และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จัดการรายละเอียดข้อตกลงทางธุรกิจต่างๆให้เป็นแนวทางเดียวกัน โดยไม่ขัดต่อสัมปทาน เช่น การเติมเงิน บัตร ส่วนลดนักเรียน และผู้สูงอายุ รวมถึงกรณีที่มีเงินในบัตรไม่พอจะทำอย่างไร เพราะขณะนี้ยังแตกต่างกัน เช่น รฟม. ให้ติดลบเงินในบัตรได้ ขณะที่บีทีเอสติดลบเงินในบัตรไม่ได้ ทั้งนี้ ให้ นำมารายงานในการประชุมคณะกรรมการฯ เดือน มี.ค.นี้
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรแรบบิท ที่ใช้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส 12 ล้านใบ, บัตรแมงมุมและบัตร MRT plus ที่ใช้กับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง/สายสีน้ำเงิน 2.2 ล้านใบ และบัตร Smart Pass ที่ใช้กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 4 แสนใบ รวม 14.6 ล้านใบ.