นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมตั้งเป้าหมายส่งออกข้าวปีนี้ไว้ที่ 7.5 ล้านตัน ลดลงจากปี 62 ที่ส่งออกได้ 7.58 ล้านตัน เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง รวมถึงเงินบาทแข็งค่ามากกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนาม อินเดีย และต้นทุนการผลิตของไทยสูงกว่าคู่แข่งเช่นกัน จนทำให้ราคาข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่งมาก และผู้ซื้อหันไปซื้อข้าวจากคู่แข่งแทน อีกทั้งจีน ซึ่งเดิมเคยเป็นผู้นำเข้า แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นผู้ส่งออกและแย่งส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในบางประเทศ โดยเฉพาะแอฟริกา เพราะมีสต๊อกข้าวปีนี้มากถึงกว่า 120 ล้านตัน รวมถึงข้าวไทยไม่มีความหลากหลายพอจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลายกลุ่มได้ จึงทำให้ตลาดข้าวบางชนิดเป็นของคู่แข่งแทน
“ในปีนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ได้ร่วมกันกำหนดแผนงานพัฒนาศักยภาพการแข่งขันข้าวไทย โดยจะเน้นพัฒนาสายพันธุ์ข้าว เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาด อย่างปัจจุบัน ผู้ซื้อหลายประเทศอย่างมาเลเซีย ฮ่องกง หรือแม้แต่จีน ต้องการข้าวพื้นนิ่มที่มีความนุ่ม ซึ่งข้าวหอมมะลิไทยก็ใช่ แต่ราคาแพง จึงต้องพัฒนาข้าวพื้นนิ่มสายพันธุ์อื่นเข้ามาทำตลาดแข่งกับข้าวพื้นนิ่มของคู่แข่งที่ราคาถูกกว่า โดยจะมีการประชุมร่วมกันในวันที่ 14 ก.พ.นี้”
สำหรับข้าวพื้นนิ่มของไทยที่จะเร่งพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เข้าสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น ข้าว กข 79 ซึ่งเป็นข้าวขาวสายพันธุ์ใหม่ที่มีความนุ่มกว่าข้าวขาวสายพันธุ์อื่นของไทยที่มีอยู่ในปัจจุบัน และน่าจะแข่งขันได้กับข้าวพื้นนิ่มของเวียดนาม อย่าง ข้าวหอมพวงเวียดนาม ที่ตลาดต่างประเทศกำลังนิยมบริโภคมากขึ้น เพราะราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิไทย โดยขณะนี้อยู่ในขั้นทดลองปลูก และน่าจะเพาะปลูกเชิงพาณิชย์ได้เร็วๆนี้ ทั้งนี้ ในปี 62 ไทยส่งออกข้าวได้เป็นอันดับ 2 ของโลก 7.58 ล้านตัน ลดลง 32.50% จากปี 61 ที่ส่งออกได้ 11.23 ล้านตัน มูลค่า 4,206 ล้านเหรียญสหรัฐฯ.