ครม. อัดมาตรการภาษี และการเงิน บรรเทาความเดือดร้อนภาคธุรกิจ ขณะที่บุคคลธรรมดา ขยายเวลายื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี ถึง 30 มิ.ย.63
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการการเงินการคลัง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวปี 2563 เพื่อลดผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกประเทศ ที่เกิดจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ ประกอบด้วยมาตรการด้านภาษี และมาตรการด้านการเงิน
สำหรับมาตรการด้านภาษี ได้แก่ มาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน โดยปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน ที่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเที่ยวบิน ในประเทศ จากเดิม 4.726 บาทต่อลิตร เหลือ 0.20 บาทต่อลิตร ถึงวันที่ 30 ก.ย.63 คาดว่ารัฐจะสูญเสียรายได้ 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่าย ที่ได้จ่ายไปเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการอบรมสัมมนาภายในประเทศ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง หรือรายจ่ายที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมาย ว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เพื่อการอบรมสัมมนาภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.63 เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
ขณะที่มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงกิจการโรงแรม ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม หักรายจ่ายสำหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อต่อเติม/ปรับปรุง หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.63 จำนวน 1.5 เท่าของรายจ่ายจริง
ส่วนการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประมวลรัษฎากร ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีในเดือน มี.ค.ของปีนี้ ให้ขยายกำหนดเวลาออกไปเป็นภายในเดือน มิ.ย.2563