เหตุหลายปัจจัยลบดาหน้าถล่ม สศค.หั่นเป้าจีดีพีปนี้เหลือ 2.8%

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เหตุหลายปัจจัยลบดาหน้าถล่ม สศค.หั่นเป้าจีดีพีปนี้เหลือ 2.8%

Date Time: 30 ม.ค. 2563 08:25 น.

Summary

  • สศค.ไปไม่ถึงฝัน หั่นจีดีพีปี 2563 เหลือ 2.8% เหตุได้รับผลกระทบโคโรนา คาดนักท่องเที่ยวหาย 400,000 ราย ส่งออกขยายตัวแค่ 1% เล็งออกชิม ช้อป ใช้ เฟส 4 กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

Latest

ทอท. ลงทุนเต็มพิกัด 10 ปี 2 แสนล้านบาท เที่ยวบินอินเตอร์ฟื้นตัวเกิน 100%



สศค.ไปไม่ถึงฝัน หั่นจีดีพีปี 2563 เหลือ 2.8% เหตุได้รับผลกระทบโคโรนา คาดนักท่องเที่ยวหาย 400,000 ราย ส่งออกขยายตัวแค่ 1% เล็งออกชิม ช้อป ใช้ เฟส 4 กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยลดเป้าลงเหลือ 2.5-3.0%

นายลวรณ แสงสนิท สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค.ได้ปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปี 2562 จากเดิมคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ต.ค.2562 ว่าจะขยายตัวที่ 2.8% เหลือเพียง 2.5% เท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า เช่น จีน สิงคโปร์ สหรัฐฯ เป็นต้น และปริมาณการค้าโลก ชะลอตัวลงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยหดตัวลงถึง 2.7%

ส่วนในปี 2563 จากเดิมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวอยู่ที่ 3.3% ลดลงเหลือเพียง 2.8% เท่านั้น ในขณะที่การส่งออกในปี 2563 คาดว่าจะขยายตัว 1% จากเดิมคาดการณ์ว่าจะ ขยายตัวถึง 2.6% สาเหตุหลักเนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งกระทบกับภาคการท่องเที่ยว และคาดว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้หายไปราว 400,000 ราย อย่างไรก็ตาม สศค.คาดว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบในระยะสั้นๆ และจะคลี่คลายภายใน 3 เดือน

“ขณะที่เรื่องปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้านั้น กระทรวงการคลังพร้อมจะออกมาตรการมาดูแลเศรษฐกิจในประเทศระหว่างที่งบประมาณลงทุนยังเบิกไม่ได้ก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ออกมาตรการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนไปแล้ว 110,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจเติบโต 0.25% และหลังจากนี้อาจจะมีการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ระยะที่ 4 ออกมาอีก เพื่อกระตุ้น การจับจ่ายซื้อของในประเทศ ซึ่งปัจจุบันกำลังพิจารณารายละเอียดอยู่”

อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 มองว่าการลงทุนภาคเอกชนจะมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยจากมาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศปี 2563 รวมทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ และโครงการร่วมลงทุนของภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในประเทศได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ประกอบกับภาคส่งออกไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ และแนวโน้มการเติบโตของปริมาณการค้าโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในเร็วๆนี้ ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐและภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2563 จะอยู่ที่ 0.8% ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ตามการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ

“สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) หรือเบร็กซิต การดำเนินนโยบายการเงินการคลัง รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่จะได้รับการสนับสนุนจากมาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศปี 2563”

ด้านนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 มีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยอย่างแน่นอน แต่ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่ชัดเจนได้ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโตในกรอบ 2.50-3.0% หรือตัวเลขกลางอยู่ที่ 2.70% แต่เมื่อมีปัจจัยเข้ามากระทบ รวมทั้งการระบาดของไวรัสโคโรนา เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโตในกรอบล่างที่ 2.50%.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ